จาก "ยูโร2020" ย้อนเส้นทาง20 ปี ถ่ายทอดสดฟุตบอล ใครเป็นผู้ซื้อลิขสิทธิ์

11 มิ.ย. 2564 | 22:30 น.
อัปเดตล่าสุด :12 มิ.ย. 2564 | 02:36 น.

ย้อนไทม์ไลน์กระแสฟุตบอลยูโร 2020 ในไทย 20ปี ใครเป็นผู้ซื้อลิขสิทธิ์ เปลี่ยนมือมาแล้วกี่เจ้า ช่องไหนยึดเวลาถ่ายทอดในมือมากที่สุด ที่นี่มีคำตอบ

เริ่มต้นขึ้นแล้วสำหรับ ฟุตบอลยูโร2020 นัดเปิดสนามกลุ่มเอระหว่าง อิตาลี พบ ตุรกี คืนวันที่11 มิ.ย. เวลา 02:00 น. ตามเวลาประเทศไทย ซึ่งก่อนหน้านี้ แฟนบอลไทยต้องลุ้นหนักมาก หลังจากสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป หรือยูฟ่า ออกมาเผยรายชื่อประเทศที่ได้ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดศึกชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป "ยูโร 2020" ซึ่งไม่มีชื่อของ "ไทย" รวมอยู่ในนั้น

ล่าสุด นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ประธาน การแถลงข่าวการถ่ายทอดสด "ฟุตบอลยูโร 2020" เปิดเผยว่า กรมประชาสัมพันธ์และสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ได้ประสานไปยังนายโกมล จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานบริหาร บริษัท ซัมมิทฟุตแวร์ จำกัด ให้เป็นผู้เซ็นสัญญาซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลดูยูโร2020 ในครั้งนี้

อย่างไรก็ตามด้วยระยะเวลากระชั้นชิด ทำให้ไม่สามารถดำเนินการได้ทันในรอบแรก ทว่าอยู่ระหว่างขั้นตอนการเจรจาแล้ว และมีความเป็นไปได้ที่จะถ่ายทอดสดได้ตั้งแต่รอบ 16 ทีมสุดท้าย ถึงรอบชิงชนะเลิศ ทั้งนี้คาดว่า กกท. จะถ่ายทอดสดผ่านช่อง "ที-สปอร์ต" ร่วมกับช่องฟรีทีวีบางสถานี โดยยูฟ่า ตั้งราคาค่าลิขสิทธื์ถ่ายทอดในปีนี้ไว้สูงถึงหลัก 1,000 ล้านบาทเลยดีเดียว

หากมองย้อนกลับไปตั้งแต่มีการถ่ายทอดสดฟุตบอลยูโร ในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2000 จะพบว่า เจ้าของลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดจะเป็นภาคเอกชนที่ยอมควักกระเป๋าซื้อลิขสิทธิ์เข้ามา ต่างจากปี2020  ที่การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.)  ซึ่งถือเป็นหน่วยงานรัฐบาลต้องออกหน้าเอง

โดยฟุตบอลยูโร ปี2000 เจ้าของลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดในประเทศไทยเป็นของ บริษัทบีอีซี เวิลด์ จำกัด มหาชน หรือช่อง 3 ที่ควักเงินก้อนซื้อลิทธิ์ถ่ายทอด “ฟุตบอลยูโร 2000” และถ่ายทอดสดแต่เพียงผู้เดียว

ต่อมาในปี 2004  การซื้อลิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลยูโรเป็นการซื้อลิขสิทธิ์ร่วมกันระหว่างพันธมิตร 4 ราย โดยมีเดนสึ เอเยนซี่โฆษณาเป็นผู้ได้รับลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด และได้ชักชวนสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 สถานีโทรทัศน์ช่อง 7 และบริษัททศภาค ลงขันเป็นพันธมิตร ทำให้ในปีนั้นมีการถ่ายทอดสดผ่านทั้งช่อง 3 และช่อง 7 โดยใช้วิธี “จับฉลาก” เพื่อแบ่งช่วงเวลาซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดช่อง 3 กับ ช่อง 7

ในปี  2008 เป็นปีแรกที่มีการเปลี่ยนมือ โดยกลุ่มบริษัทอาร์เอส เข้าซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดฟุตบอลยูโร 2008 และถ่ายทอดสดผ่านช่อง 7 และช่อง 9 ในฐานะมีเดีย พาร์ทเนอร์ (Media Partner) ตั้งแต่พิธีเปิดและปิดอย่างเป็นทางการรวมทั้งการแข่งขันครบทั้ง 31 แมตซ์ โดยสลับวันถ่ายทอดสด 

ส่วนการถ่ายทอดสดฟุตบอลยูโร 2012  GMM GRAMMY ได้ทุ่มเงินก้อนใหญ่เพื่อเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดในประเทศไทย โดยช่องหลักในการถ่ายทอดสดคือช่อง 3 และในกรณีที่มีแข่งพร้อมกัน 2 คู่ จะให้ช่อง 5 และช่อง 9 ร่วมถ่ายทอดสดในอีกคู่หนึ่งตามตารางโปรแกรมการแข่งขัน 

การถ่ายทอดสดฟุตบอลยูโร 2016 GMM GRAMMYยังคงเป็นเจ้าภาพซื้อลิขสิทธิ์และถ่ายทอดสดทางช่อง 3 เช่นเคย แต่ในการถ่ายทอดสดฟุตบอลยูโรทั้งในปี 2012 และ 2016 ที่GMM GRAMMYซื้อลิขสิทธิ์มา ก็มีปัญหาทั้งจอดำ และการถูก กสทช เข้ามากำกับด้วยกฎต่าง ๆ จนทำเงินได้ไม่เต็มที่

สำหรับฟุตบอลยูโร2020 ที่ถูกเลื่อนมาจากปีที่แล้วจากสถานการณ์โควิดเป็นเหตุ สำหรับการถ่ายทอดสด การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ได้ประสานไปยังนายโกมล จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานบริหาร บริษัท ซัมมิทฟุตแวร์ จำกัด ให้เป็นผู้เซ็นสัญญาซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลดูยูโร2020 ในครั้งนี้ ในราคา 310 ล้านบาท

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

ฟุตบอลยูโร 2020 NBT ใจถึงถ่ายทอดสดทุกนัด