รู้หรือไม่ว่า ประเทศไทยมีหลุมฝังกลบกว่า 2,000 แห่งทั่วประเทศ และพื้นที่ในหลุมฝังกลบเหล่านี้กำลังจะหมดไป ทำให้ในแต่ละจังหวัดต้องหาสถานที่ใหม่หรือแนวทางแก้ไขเพื่อลดปริมาณขยะ โดยขยะพลาสติกที่ถูกทิ้งลงหลุมฝังกลบ ต้องใช้เวลามากกว่า 400 ปี ในการย่อยสลาย ซึ่งหลังจากนั้นจะแปรสภาพเป็นไมโครพลาสติก ที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของมนุษย์เป็นอย่างมาก
“ยูสซี เว็คโค ซาโลรานตา” ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร คอร์สแอร์ กรุ๊ป อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า คอร์สแอร์ ได้จัดตั้งโรงงานในกรุงเทพฯ นำนวัตกรรม Pyrolysis การใช้ความร้อนเพื่อแยกอนุภาคของวัตถุออกจากกัน ซึ่งเป็นกระบวนการที่เรารู้จักกันมานาน โดยในไทย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ริเริ่มทำการศึกษาวิจัยและทำการทดลอง เปลี่ยนขยะพลาสติกให้เป็นน้ำมัน Advanced Bio-oil ที่ไม่ก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม
คอร์สแอร์ได้ทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยและหน่วยงานของภาครัฐทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ เพื่อนำขยะพลาสติกมาแปรสภาพ เช่น ไมเนอร์ กรุ๊ป เซ็นทารา กรุ๊ป ชาเทรียม โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท โรงเรียนนานาชาติ โชรส์เบอรี่ บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) แดรี่โฮม เป็นต้น
เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ยังได้รับการจัดสรรจากภาครัฐ ให้จัดการขยะเมืองสระแก้ว โดยที่โรงงานแห่งนี้ บริษัทฯ ได้รวบรวมขยะผสมที่เข้ามาทั้งหมดจากชุมชนในท้องถิ่น จากนั้นได้แยกขยะพลาสติกออก และนำส่วนนี้ไปใช้ในโรงงานเพื่อเป็นวัตถุดิบในการผลิต Advanced Bio-oil ซึ่งจะช่วยให้ชุมชนท้องถิ่นไม่ต้องนำขยะพลาสติกกลบฝังดินอีกต่อไป ซึ่งคอร์สแอร์กำลังมองหาความช่วยเหลือและการทำงานร่วมกับจังหวัดอื่นๆ เพื่อลดปริมาณขยะพลาสติกที่ฝังกลบ และแก้ไขปัญหาขยะพลาสติกอย่างยั่งยืนให้กับชุมชนต่างๆ
ส่วน Advanced Bio-oil ที่ผลิตได้จากโรงงาน กำลังอยู่ในขั้นตอนการเจรจาความร่วมมือทั้งในระดับประเทศ ระดับภูมิภาค และระดับโลกกับบริษัทปิโตรเคมีและน้ำมันรายใหญ่ที่สุดหลายแห่งทั่วโลก เพื่อนำ Advanced Bio-oil เหล่านี้ไปใช้เป็นเชื้อเพลิงและผลิตผลิตภัณฑ์
อื่นๆ ต่อไป
คอร์สแอร์ได้เปิดตัวโรงงานการผลิต ทั้งในกรุงเทพฯ ในหลายประเทศในยุโรป โดยปี 2564 คาดว่าจะมีรายได้อยู่ที่ 250 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้ในไทย 30 ล้านบาท สำหรับปี 2565 ตั้งเป้าว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 550-600 ล้านบาท โดยมีการคาดการณ์รายได้สำหรับประเทศไทยอยู่ที่ 150 ล้านบาท ซึ่งเราวางแผนที่จะจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ระหว่างประเทศใน 5 ปีข้างหน้า
หน้า 16-17 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 ฉบับที่ 3,702 วันที่ 5 - 7 สิงหาคม พ.ศ. 2564