นิโคลา ฮิโรนิมุส ซีอีโอ ลอรีอัล กรุ๊ป กล่าวว่า ลอรีอัลเป็นเพียงบริษัทเดียวในโลกที่ได้คะแนน AAA เป็นปีที่ 6 ติดต่อกันจาก CDP ที่ผ่านมา ลอรีอัลมีการทำงานด้านความความยั่งยืนอย่างยาวนาน และมีการตั้งเป้าหมายอย่างเข้มข้น โดยมีโปรแกรม L’Oréal for the Future ที่มุ่งให้กิจกรรมการดำเนินงานต่างๆ ของบริษัทลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยยึดหลักขีดจำกัดความปลอดภัยของโลก (Planetary Boundaries)
CDP เป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไรด้านสิ่งแวดล้อมโลก ที่ได้รับการยอมรับในวงกว้างว่าเป็นมาตรฐานสูงสุดสำหรับการวัดความโปร่งใสด้านสิ่งแวดล้อมในภาคองค์กรธุรกิจ โดยในปี 2564 นักลงทุนกว่า 590 รายที่มีทรัพย์สินมูลค่ากว่า 110 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และผู้ซื้อรายใหญ่ 200 รายที่มีงบในการจัดซื้อวงเงิน 5.5 ล้านล้านดอลลาร์ ได้ขอให้บริษัทต่าง ๆ เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบ ความเสี่ยง และโอกาสด้านสิ่งแวดล้อมผ่านแพลตฟอร์มของ CDP โดยมีบริษัท 13,000 แห่งที่ตอบรับคำขอดังกล่าว
นับเป็นจำนวนที่สูงเป็นประวัติการณ์ CDP ได้ประเมินบริษัทเหล่านี้ โดยให้คะแนน A ถึง D ความครอบคลุมในเรื่องการเปิดเผยข้อมูล การสร้างความตระหนัก และการจัดการความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม ตลอดจนแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดที่เกี่ยวกับความเป็นผู้นำด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การกำหนดเป้าหมายที่มุ่งมั่นและมีความหมาย
เป้าหมายของลอรีอัลคือการสร้างสรรค์ความงามที่ขับเคลื่อนโลกใบนี้ นั่นหมายความว่า การบรรลุภารกิจด้านสิ่งแวดล้อมของเราคือมาตรวัดความสำเร็จที่สำคัญ การเป็นบริษัทเดียวในโลกที่ได้คะแนน AAA จาก CDP มา 6 ปีติดต่อกันนับเป็นเกียรติที่ยิ่งใหญ่ และเป็นพันธะสัญญาในการทำงานเพื่อต่อสู้กับภาวะโลกร้อนต่อไป ในปีนี้ มีบริษัท 14 แห่งที่ได้คะแนน AAA ซึ่งเป็นสัญลักษณ์อันทรงพลังที่แสดงให้เห็นว่า พวกเราสามารถเป็นกลไกสู่การเปลี่ยนแปลงที่ทรงพลังร่วมกันได้ เราต้องลงมือทำมากขึ้นและรวดเร็วขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่สุดของโลก
พอล ซิมป์สัน ซีอีโอ CDP กล่าวว่า “ขอแสดงความยินดีกับบริษัททุกแห่งที่ติดอันดับ A List ในปีนี้ การเป็นผู้นำด้านความโปร่งใสและการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมเป็นหนึ่งในขั้นตอนที่สำคัญที่สุดที่ธุรกิจต่าง ๆ จะสามารถทำได้ และต้องทำมากยิ่งขึ้นในปีที่มีการประชุม COP26 และการเปิดเผยรายงานการประเมินครั้งที่ 6 ของ IPCC ความรุนแรงของความเสี่ยงที่ธุรกิจต่างๆ จะได้รับอันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ความไม่มั่นคงของแหล่งน้ำ และการตัดไม้ทำลายป่านั้นเป็นเรื่องที่ไม่สามารถเพิกเฉยได้อีกต่อไป
เรารู้ว่าโอกาสที่จะลงมือทำนั้นสำคัญมากกว่าที่จะปล่อยให้เกิดความเสี่ยงจากการนิ่งเฉย ความเป็นผู้นำของภาคเอกชนจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการคงไว้ซึ่งความมุ่งมั่นของประเทศทั่วโลก เพื่อโลกที่ปราศจากก๊าซเรือนกระจก โลกที่ดีต่อธรรมชาติ และโลกที่เท่าเทียมกัน”