เตือนระวัง"โรคตาแดง"ระบาดหนักในหน้าฝน เช็กสาเหตุอาการ วิธีป้องกัน

17 พ.ค. 2565 | 07:17 น.
อัปเดตล่าสุด :17 พ.ค. 2565 | 14:21 น.

กรมการแพทย์โดย รพ.เมตตาฯ แนะดูแลสุขภาพดวงตาในฤดูฝน โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีอาการเป็นภูมิแพ้อากาศขึ้นตา เยื่อบุอักเสบ ตาแดง ไม่ควรมองข้ามอาจติดเชื้อแบคที่เรีย ไวรัส และภูมิแพ้ แนะควรรีบพบจักษุแพทย์ทันที

นายแพทย์ไพโรจน์  สุรัตนวนิช  รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า หน้าฝนนี้ควรดูแลสุขภาพตนเองอย่างเคร่งครัดเพื่อให้ร่างกายสามารถปรับสภาพ และมีภูมิต้านทานต่อการเปลี่ยนแปลงของอากาศได้ การดูแลสุขภาพเบื้องต้นในช่วงหน้าฝน นอกจากดูแลตัวเองจากภายนอกแล้ว ไม่ว่าจะอยู่ในวัยไหนก็ต้องรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และเน้นการรับประทานผักและผลไม้ เพราะสารอาหารที่รับประทานเข้าไปมีส่วนสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้ร่างกายแข็งแรง และรับมือกับโรคในช่วงหน้าฝนนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
 

นายแพทย์อภิชัย  สิรกุลจิรา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงหน้าฝนที่มีสภาพอากาศอับชื้นและเย็นลง ซึ่งเหมาะแก่การเจริญเติบโตของเชื้อโรค หากเป็นผู้ที่มีภูมิต้านทานไม่แข็งแรง เข้าหน้าฝนอาการเจ็บไข้ได้ป่วยก็มาเยือน ไม่เพียงแต่เสี่ยงกับโรคระบบทางเดินหายใจ หรือ โรคทางผิวหนังแล้ว ดวงตาก็มีความเสี่ยงเช่นกัน โดยเฉพาะ “โรคตาแดง” ระบาดได้บ่อย  เมื่อเข้าสู่ฤดูกาลหน้าฝน

สาเหตุโรคตาแดงระบาดในหน้าฝน 

 

"โรคตาแดง มักระบาดในหน้าฝน เพราะเมื่อฝนตก น้ำฝนจะไปชะล้างฝุ่นละอองที่อยู่ตามอาคาร หลังคา ตามรั้วต่างๆ และอาจกระเด็นมาสู่ตาเราได้ ซึ่งน้ำที่ท่วมขังก็อาจจะมีเชื้อไวรัส หรือแบคทีเรีย เมื่อน้ำที่สกปรกนั้นกระเด็นเข้าตาเรา ก็จะเกิดการติดเชื้อไปอย่างรวดเร็ว อาการรุนแรงที่สุดจะมีอาการอักเสบ เคืองตาอย่างรุนแรง ตามัว หากมีปัญหากับดวงตาหรือมีอาการผิดปกติควรพบจักษุแพทย์" นายแพทย์อภิชัย กล่าว

 

ด้านนายแพทย์เอกชัย  อารยางกูร จักษุแพทย์ หัวหน้าศูนย์การแพทย์เฉพาะทางด้านจักษุ กล่าวเสริมว่า ในช่วงฤดูฝน การดูแลสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เรื่องสุขภาพดวงตาก็ต้องการ การดูแลเช่นกัน ในช่วงหน้าฝนที่มาถึง ดวงตาก็มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคติดเชื้อเช่นกัน โดยเฉพาะ “โรคตาแดง” ระบาดได้บ่อยครั้ง

 


เตือนระวัง\"โรคตาแดง\"ระบาดหนักในหน้าฝน เช็กสาเหตุอาการ วิธีป้องกัน

อาการโรคตาแดง

 

หากได้รับเชื้อโรคต่างๆ จนทำให้เป็นโรคตาแดง อาการต่างๆ จะเกิดได้ภายใน 1-2 วัน และระยะการติดต่อไปยังผู้อื่นประมาณ 14 วัน โดยแบ่งอาการได้

 

  • เกิดอาการตาขาวมีสีแดงเรื่อๆ ระคายเคือง แสบตา น้ำตาไหล มีขี้ตามากกว่าปกติ เช่น โรคตาแดง ที่อาจเกิดจากน้ำสกปรกกระเด็นเข้าตา หรือนำมือที่เปื้อนสิ่งสกปรก ไปสัมผัสโดนดวงตา
  • หากเกิดจากติดเชื้อไวรัส หนังตาจะบวม น้ำตาไหลมาก ต่อมน้ำเหลืองกกหูบวม ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก ตาแพ้แสง
  • หากติดเชื้อแบคทีเรีย จะมีขี้ตาสีเขียว หรือสีเหลือง มีน้ำตาไหล ตาแฉะ มองเห็นไม่ชัดและ
  • หากเกิดจากการแพ้ จะรู้สึกคันตา แสบตา มีน้ำตาไหล

 

วิธีป้องกันและการรักษา

 

  • หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับผู้ป่วย
  • งดใช้ของร่วมกับผู้ป่วย เช่น ผ้าเช็ดหน้าผ้าเช็ดตัวป้องกัน
  • หลีกเลี่ยงฝุ่นละออง หรือน้ำสกปรกเข้าตา 
  • หลีกเลี่ยงการว่ายน้ำในระยะการระบาดของโรคตาแดง
  • หมั่นดูแลรักษาความสะอาด ล้างมือให้สะอาด
  • เลี่ยงการเอามือไปสัมผัสดวงตาบ่อยๆ
  • ไม่อยู่ในพื้นที่แออัด เช่น รถสาธารณะ เป็นต้น
  • หากจำเป็นควรสวมแว่นกันแดด กันฝุ่น กันลมช่วย และ
  • ควรระวังไม่ให้แมลง หรือสิ่งแปลกปลอมเข้าตา

 

ส่วนการรักษาโรคตาแดงนั้นหากมีอาการตาแดง ควรพักผ่อน ลาหยุดงานจนกว่าจะหายเพื่อลดการระบาดของโรค และสามารถใช้น้ำตาเทียมช่วย หากมีอาการระคายเคืองตามาก ควรพบจักษุแพทย์เพื่อรักษาต่อไป

   

ที่มา : กรมการแพทย์