นางสาวดวงพร พรหมอ่อน กรรมการผู้จัดการ บริษัท จัดหางาน จ๊อบส์ ดีบี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า จากฐานข้อมูลและผลสำรวจภาพรวมและแนวโน้มตลาดงานของจ๊อบส์ดีบี พบว่า คนทำงานที่เคยได้ Work from Homeมา 2 ปีเต็ม มีความรู้สึกไม่อยากเข้าทำงานประจำออฟฟิศเหมือนเมื่อก่อน เนื่องจากสามารถทำงานที่บ้าน หรือจากนอกออฟฟิศได้ ขณะที่โลกแห่งการสื่อสารช่วยอำนวยความสะดวกได้
"แนะนำให้ผู้ประกอบการว่า คนยุคดิจิทัคิดแบบนี้ เพราะฉะนั้นองค์กรต้องปรับตัว เพราะหลายๆ บริษัท ในต่างประเทศอย่างหสรัฐอเมริกา เขาปรับนโยบายเลย เพราะพนักงานลาออกจริง เกิดขึ้นจริง บ้านเราตอนนี้ก็เริ่มแล้ว ในไทยบริษัทที่เป็นบริษัทเทคฯ ก็เป็นไฮบริด หลังจาก 100% ทำงานที่บ้าน เขาก็ไม่อยากมาทำงานที่ออฟฟิศแล้ว เข้าออฟฟิศอาทิตย์ละ 2-3 วัน"
การทำงานไฮบริด มันมีวิธีการวัดผลการทำงานได้ พนักงานก็แฮปปี้ คล่องตัว มาเจอกันที่ออฟฟิศบ้าง เพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนอัพเดทงาน ในขณะที่ Productivity ของพนักงานก็ดีขึ้น ตอบโจทย์ทั้งคนทำงานและองค์กร ที่จ๊อบส์ ดีบี ก็ทำแล้ว บริษัทอื่นที่เป็นลูกค้า ก็เป็นไฮบริด องค์กรต่างชาติไฮบริดเลย องค์กรไทยบริษัทใหญ่ๆ เขาไม่บังคับคนให้เข้าออฟฟิศ ยกเว้นงานบางตำแหน่งหน้าที่ ที่จำเป้นต้องเข้าออฟฟิศจริงๆ เช่น การผลิต มันจำเป็นต้องเข้า ตอนนี้บริษัทท็อปๆ ไฮบริดแน่นอน ตำแหน่งงานไหนที่ไฮบริดได้ เขาทำเลย
จากผลการสำรวจ คนมองหางานแบบไฮบริดมากขึ้น เช่น สหรัฐอเมริกามีมากถึง 18% อังกฤษ 13% รองลงมาคือ ออสเตรเลีย เยอรมัน แคนาดา
สิงคโปร์ ญี่ปุ่น จีน สวิส ฝรั่งเศส นั่นหมายความว่า ต่อไปการแย่งชิงบุคลากรที่มีคุณภาพ จะไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในประเทศ แต่จะเป็นการแย่งชิงตัวกันข้ามประเทศเลยทีเดียว
แข่งขันแย่งชิงตัวบุคลากรที่มีความสามารถมากขึ้น แม้แต่องค์กรแบบเอสเอ็มอี ก็เริ่มยอมเพิ่มอัตราค่าตอบแทน หากต้องการได้บุคลากรที่มีคุณภาพจริงๆ และเมือทำงานแบบไฮบริดแล้ว เรื่องวัฒนธรรมองค์กก็ต้องแข่งแรงเพียงพอ ฝ่ายพัฒนาบุคลากรต้องปรับและวางแผน เพื่อไม่ให้เสียรูปแบบวัฒนธรรมองค์กรไป
สำหรับ 10 ประเทศที่คนไทยอยากทำงานแบบไฮบริดด้วย ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย รัสเซีย จีน อินโดนีเซีย อินเดีย ฟิลิปปินส กาต้าร์ แอฟริกาใต้ สหรัฐอาหรับอิมิเรสต์