นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปาฐกถาพิเศษ Innovation Keeping the World : Rethink Recover นวัตกรรมรักษ์โลก ที่จัดโดยเนชั่น กรุ๊ป โดยกลาวถึง 5 แนวนวัตกรรมเกี่ยวกับกาลดการป่อยก๊าซเรือนกระจก ที่รัฐบาลและประเทศไทยกำลังเดินหน้าอย่างเต็มที่
- DIGITALIZATION ยกระดับโครงข่ายสายส่งไฟฟ้าให้เป็นระบบอัจฉริยะรองรับไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานทดแทนและพัฒนาระบบกักเก็บพลังงาน
- DECARBONIZATION ส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ ชีวมวล ส่งเสริมการใช้ไบโอดีเซล
- DECENTRALIZATION ส่งเสริมโรงไฟฟ้าชุมชน สร้างความสมดุลของพื้นที่ไฟฟ้าในทุกภูมิภาค
- DE-REGULATION สนับสนุนการเปิดพื้นที่เฉพาะให้สามารถพัฒนาและทดสอบนวัตกรรมด้านพลังงานได้โดยผ่อนปรนกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรค (ERC Sandbox) และส่งเสริมสตาร์ทอัพด้านพลังงาน
- ELECTRIFICATION ส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า
รวมไปถึงการสนับสนุนแหล่งพลังงานหมุนเวียน (renewable energy) เช่น การใช้โซซล่าเซลลอยน้ำ ในอ่างเก็บน้ำต่างๆ รวมสมาร์ทกริด หรือสมาร์ทเอ็นเนอร์จี้สโตเรจ (Energy Storage System : ESS) และการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า ที่เป็นได้ทั้งการใช้ไฟฟ้า 100% หรือเน็กเจนจากรถไฟฟ้าที่กำลังพัฒนนากันอยู่ รวมไปถึงการเพิ่มสถานีชาร์จรถไฟฟ้าแบบอัดประจุเร็ว
ซึ่งมีหลายแบบ คือ ปลูกต้นไม้ ทำได้ง่าย ถูกสุด และอีกทางคือ การผลิตเทคโนโลโ เช่น การผลิตพลังงานชีวภาพ ด้วยการดักจับคาร์บอนในอากาศ หรือ การดักจับคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศโดยตรง เช่น อังกฤษ และไอซ์แลนด์ มีการตั้งโรงงานขึ้นมาเพื่อดูดคาร์บอนไดออกไซด์ และเก็บคาร์บอนจากอากาศโดยตรง
เมื่อก่อนเราใช้น้ำมันเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แต่ในอนาคตอันใกล้ การซื้อขายคาร์บอนเครดิต จะมีบทบาทในการทำธุรกิจ และมีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจโลก ดังนั้น ไทยกำลังเปลี่ยนจากการเสรษบกิจ Black Gold ที่ใช้น้ำมันในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ มาเป็น Green Gold ซึ่งขณะนี้ ทางกระทรวงทรัพยากรฯ ได้รายงานให้คณะรัฐมนตรี รับทราบถึงนโยบายเรื่องการบริหารจัดการคาร์บอนเครดิตไปแล้วเมื่อ 10 พฤษภาคม 2565 ว่าด้วยเรื่องของระเบียบและหลักเกณ์การซื้อขาย ซึ่ง บีโอไอ ทำหน้าที่ ส่งเสริมการลงทุนเพื่อสิ่งแวดล้อม การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี และ การปรับเปลี่ยนเครื่องจักรเพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
Green Gold มูลค่าคาร์บอน 325,450 ล้านบาท แนวทางและกลไกการบริหารจัดการคาร์บอนเครดิต (สผ.) และระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์การขึ้นทะเบียนการซื้อการขาย และถ่ายโอนคาร์บอนเครดิต (อบก.)
"เรามีว่าด้วยหลักกเกณฑ์การซื้อขาย และการถ่ายโอนคาร์อบอนเครดิต ที่ดูแลโดยองค์กรบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก เราตั้งตลาดคาร์บอนเครดิตขึ้น ทำงานระหว่างสภาอุตสาหกรรม และกระทรวงทรัพยากรฯ ให้ผู้ซื้อผู้ขาย สามารถเทรดคาร์บอนเครดิตได้ เราจะไปสู่ Green Gold" นายวราวุธกล่าว
เปลี่ยนคาร์บอนเป็นของเหลว แล้วอัดกลับ รวมไปถึงการใช้ปูนซีเม้นท์ กรีนไฮโดรเจน การสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีในภาคการเกษตร เช่น Thai Rice Nama เป็นการปลูกข้าวแบบเปียกสลับแห้ง ที่นอกจากลดต้นทุนและะเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรแล้ว ยังสามารถลดก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 70%
นอกจากนี้ ยังเน้นจุดแข็งของคนไทย ที่มีทั้งปราชญ์ชาวบ้าน ภูมิปัญญาท้องถิ่น นำความรู้เหล่านี้มาปรับใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิผลและสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้เกษตรกร โดยไม่ต้องพึ่งปุ๋ยพึ่งยา
นายวราวุธ กล่าวอีกว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ คือ ทางรอด ไม่ใช่ทางเลือก กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศ ซึ่งตอนนี้ทั่วโลกได้เห็นพ้องตรงกันและให้ความร่วมมือ ในการมาแก้ไขปัญหาร่วมกัน ภายใต้ "ความตกลงปารีส" (Paris Agreement)
ที่ผ่านมา ประเทศไทยได้แสดงวิสัยทัศน์ระยะยาวในการพัฒนาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับต่ำของประเทศไทย โดยนายกรัฐมนตรี ในงาน COP26 เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2564 โดยประกาศ ปี 2050 : Carbon neutrality ความเป็นกลางทางคาร์บอน ปี 2065 : Net Zero GH Emissions และปี 2030 : NDC 40% ซึ่งกระทรวงทรัพยากรฯ ได้พยายามปรับปรุงและพัฒนากลยุทธ์ให้สอดคล้องกับแนวทางดังกล่าว โดยอากศัยความร่วมมือทั้งจากภาครัฐ และเอกชน รวมถึงประชาชนทั่วไปเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในอีก 3 ปีข้างหน้า จาก 368 ล้านตันคาร์บอนไดออกไวด์เทียบเท่า ให้เหลือ 120 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
นอกจากนี้ กระทรวงทรัพยากรฯ ยังเร่งผลักดันร่างพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ พ.ร.บ.Climate Change เป็นครั้งแรกของประเทศไทย ซึ่งเป็นการดำเนินงานภายใต้การปฏิรูปประเทศ และจะเป็นเครื่องมือสำคัญ ที่จะยกระดับการลดก๊าซเรือนกระจกจาภาคสมัครใจ มาสู่ภาคบังคับ และยังเพิ่มเติมบทบัญญัติเกี่ยวกับการจัดการคาร์บอนเครดิต หรือกลไกทางการเงินที่จำเป็น ในการที่จะกำหนดเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกรายสาขา และจะถ่ายทอด เป้าหมายเหล่านั้นไปสู้การทำนโยบายและแผนรายสาขา เพื่อครอบคลุมแนวทางทั่วประเทศต่อไป