อีกไม่กี่วันก็จะถึงเทศกาลสงกรานต์แล้ว ปีนี้หอการค้าไทย คาดว่าการใช้จ่ายของประชาชนจะมีเม็ดเงินสะพัดถึง 1.25 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 17.3% ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไทยปีนี้โตเพิ่มขึ้น 0.5-0.7%
ที่กล่าวมาข้างต้น จะเห็นว่าเทศกาลสงกรานต์ ไม่เพียงจะเป็นประเพณีวันขึ้นปีใหม่ของไทย การรดน้ำขอพรผู้ใหญ่ สรงน้ำพระ และเล่นน้ำสงกรานต์ที่หลายคนต่างชื่นชอบ แต่อีกด้านหนึ่งกลับเป็นการสร้างโอกาส สร้างรายได้ ยิ่งหากเป็นทำเลที่ดี เป็นสถานที่ที่คนส่วนใหญ่มาละเล่นน้ำ รับรองว่าสามารถทำกำไรในช่วงสั้น ๆได้ไม่น้อยกว่า 50%
"ฐานเศรษฐกิจ" ได้รวบรวมสินค้าที่ยอดฮิตและยังคงเป็นที่นิยมในช่วงประเพณีวันสงกรานต์ ไปดูกันว่ามีอะไรบ้าง
1. น้ำดื่ม -น้ำแข็ง -บริการเติมน้ำ
ช่วงเทศกาลสงกรานต์ อากาศมักร้อน น้ำเย็นไม่ว่าจะน้ำดื่ม น้ำแข็ง ล้วนแล้วแต่เป็นที่ต้องการของลูกค้า โดยน้ำดื่มขนาด 600 มล. ต้นทุนต่อแพ็ค ( 12 ขวด ) เฉลี่ยอยู่ที่ 35 - 37 บาท หรือขวดละ 3.08 บาท ขายปลีกตั้งแต่ขวดละ 5.00 -8.00 บาท
ส่วนบริการเติมน้ำสำหรับเล่นสงกรานต์ ก็สามารถลากสายยางจากบ้านแล้วเปิดก๊อกเติมน้ำให้ลูกค้า คิดราคาน้ำประปาบวกกำไรเพิ่มหรือคิดเป็นถัง แบบไม่ต้องลงทุนอะไรมากมาย
2.ถังน้ำ ขัน ปืนฉีดน้ำ
ถังน้ำ ขัน หลากหลายขนาด ถังพลาสติกขนาดเล็กหน่อย เป็นถังใส่น้ำแข็งได้ราคาเฉลี่ย 15-20 บาท ขณะที่ปืนฉีดน้ำ ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดสูงในช่วงสงกรานต์ ขายตั้งแต่ราคาระดับ 99 บาท 199 บาท 299 บาท จนถึงระดับ 400-600 บาท ตามความจุน้ำ และแรงดันน้ำยิงได้ไกล โดยมีให้เลือกหลากหลายรูปแบบสีสรร
3.แป้งและดินสอพอง
แป้ง ดินสอพอง วัยรุ่น เด็ก ผู้ใหญ่ มักนำมาประแป้งกัน ถือว่าเป็นสินค้าน่าสนใจรายได้ดีไม่แพ้กัน โดยเฉพาะในทำเลดี ๆ ที่มีผู้เล่นจำนวนมาก อย่างไรก็ดีการลงทุนนำดินสอพองมาขาย ควรเลือกดินสอพองสีขาว หลีกเลี่ยงที่มีสีสันฉูดฉาด และตรวจสอบคุณภาพดี ๆว่ามีสารตะกั่วผสมหรือไม่ หากทำเลที่ขายดีมีคนเล่นน้ำมาก ก็อาจหาซื้อจากแหล่งผลิตเช่น แหล่งผลิตดินสอพองที่ตำบลท่าแค และตำบลท่าตะโก จังหวัดลพบุรี เพราะจะได้ต้นทุนที่ถูกมาก แล้วนำแบ่งขายเป็นถุงเล็ก 10-20 บาท กำไรมากกว่า 100%
4.น้ำหอม น้ำอบ
น้ำอบ น้ำปรุง เป็นสิ่งจำเป็นคู่กับประเพณีสงกรานต์ ใช้ทั้งการเล่นน้ำ รดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ รวมไปถึงสรงน้ำพระ น้ำอบยังมีสรรพคุณช่วยดับพิษร้อน ผดผื่น แสบคัน ได้อีกด้วย
โดยยี่ห้อดังที่อยู่คู่กับประเพณีไทยมานานกว่า 100 ปี ก็คือ “น้ำอบนางลอย”ซึ่งตามท้องตลาด ขนาดกลาง 120 มล.ขายที่ขวดละ 40 - 52 บาท แต่ต้นทุนจริง ๆจากแหล่งผลิตดังนี้ ขนาดใหญ่ (300 มล.) ส่งโหลละ 625 บาท ขวดละ 65 บาท , ขนาดกลาง ( 120 มล.) โหลละ 275 บาท ขวดละ 30 บาท และขนาดจิ๋ว (70 มล.) ส่งโหลละ 185 บาท ขวดละ 22 บาท
5.พวงมาลัย -ดอกไม้
พวงมาลัยและดอกไม้ ใช้บูชาพระ และกราบไหว้ขอพรผู้ใหญ่ ส่วนพวกกุหลาบ มะลิ ดาวเรืองนั้น ใช้ลอยในขันน้ำอบสำหรับสรงน้ำพระ และรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ เพื่อเป็นสิริมงคลในชีวิต
6.ซองพลาสติกกันน้ำใส่โทรศัพท์
ซองพลาสติกใส ๆ หลากสีสัน เก๋ ใส่ห้อยคอเวลาเล่นน้ำ ป้องกันไม่ให้โทรศัพท์มือถือโดนน้ำสาดและใช้ใส่เงิน ถือว่าเป็นทั้งสินค้ายอดนิยมสำหรับเทศกาลนี้ ราคาเฉลี่ยทั่วไปตั้งแต่ 15- 29 บาท
7.เสื้อลายดอก
เสื้อลายดอก เพื่อให้เข้ากับเทศกาลสงกรานต์ เป็นอีกไอเท็มที่นิยมไม่แพ้กัน นอกจากจะมีสีสันสดใส ใส่ได้ทุกช่วงวัย ทั้งเด็ก วัยรุ่น ผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ และยังใช้ใส่ในเทศกาลประเพณีไทยหรืองานรื่นเริงอื่นๆ ได้อีก ซึ่งต้นทุนขายส่งบริเวณโบ๊เบ๊ทาวเวอร์ ตกตัวละ 100-150 บาท ส่วนราคาขายปลีกอยู่ที่ตัวละ 199-250 บาท
8.แว่นตากันน้ำ
แว่นตาพลาสติกใสๆ ราคาไม่แพง ใส่กันน้ำ เป็นสินค้าที่ได้รับความสนใจไม่น้อยในช่วงสงกรานต์ ซึ่งตามซูเปอร์มาร์เก็ตราคาขายเฉลี่ย 49 บาท แต่ต้นทุนขายส่งถูกกว่าครึ่ง
9.หมวก
หมวกใส่กันแดดร้อน มีให้เลือกหลาย ๆ แบบ หลายราคา โดยเฉพาะผู้หญิงที่ชอบใส่หมวกเพื่อป้องกันแสงแดด นับเป็นอีกหนึ่งสินค้าที่น่าลงทุน
10.ข้าวกล่อง
หาเมนูที่ทำไม่ยาก หาทานง่าย เช่น ข้าวไข่เจียว (ไข่ 1 ฟอง ) ราคาขายกล่องละ 20 บาท ,กล่องละ 30 บาท (2 ฟอง), ไข่เจียวหมูสับ 40 บาท แต่แนะว่าไม่ควรเกิน 40 บาท หรือ ข้าวกระเพรา, ลูกชิ้น ไม้ละ 10 บาท, ไข่ต้ม 3 ฟอง 20-25 บาท ,ข้าวเหนียว หมูปิ้งไม้ละ 5 บาท , ซึ่งล้วนแต่เป็นเมนูยอดฮิต ปรุงง่ายไม่ยุ่งยากที่สำคัญราคาไม่แพง