หนึ่งปีมีครั้งเดียวสำหรับการกินทุเรียน กันจุใจ โดยเฉพาะทุเรียนในภาคตะวันออกในปี 2566 นี้ ที่คนส่วนใหญ๋จะชอบมากๆ ซึ่งตอนนี้เป็นโค้งท้ายแล้วสำหรับ “ทุเรียน” ภาคตะวันออกแล้ว ถ้าไปทานบุฟเฟ่ต์ทุเรียน ก็คงตลาดวายแล้ว แต่ถ้าจะทานเป็นลูก ตัดกันสดๆ ถึงถิ่นเมืองจันทบุรี ระยอง ยังมีเวลาเที่ยวสวน กินทุเรียนแบบจุกๆ ได้จนถึงกลางเดือนมิถุนายน 2566 นี้
จากกรุงเทพฯใช้เวลาเดินทางราว 3 ชั่วโมง ก็ถึงจังหวัด “จันทบุรี” เราปักหมุดทานมื้อเที่ยงกันที่ “ร้านก๋วยเตี๋ยวป้าติ๊ด” อำเภอท่าใหม่ ร้านเก่าแก่ภายในบ้านไม้แบบชาวบ้าน ที่ไม่ธรรมดา
เพราะสืบทอดสูตรก๋วยเตี๋ยวเลียงตั้งแต่สมัยคุณยาย ขายมากว่า 100 ปีแล้ว และกำลังจะส่งต่อเข้าสู่รุ่นที่ 3 แล้วความพิเศษของก๋วยเตี๋ยวที่นี่ คือ “เลียง” หรือ “น้ำซุป” ซึ่งใส่ “เร่ว” เป็นสมุนไพรท้องถิ่นในตระกูลข่า
ทำให้น้ำซุปจึงออกสีเข้ม หอมกลิ่นสมุนไพรเครื่องเทศ รสกลมกล่อมจากน้ำตาลอ้อย มีให้เลือกได้ทั้งหมู และเนื้อ เราสั่งเส้นเล็กหมูเลียง เส้นนุ่มๆซุปหอมๆหมูนิ่มมาก เข้ากันดี และอีกหนึ่งความพิเศษคือ ก๋วยเตี๋ยวป้าติ๊ด จะมีพริกสด เป็นหนึ่งในเครื่องปรุงที่วางไว้หากเราต้องการเพิ่มรสชาติตามชอบ เราใส่พริกสดลงไป เผ็ดอร่อยดี ราคาธรรมดาจานละ 50 บาท
อิ่มของคาวพร้อมเดินทางไปกินทุเรียน ณ “สวนอรุณบูรพา” สวนทุเรียนที่นี่ เปิดให้ท่องเที่ยวมา 5-6 ปีแล้ว มีต้นทุเรียนมากถึง 500-600 ต้น หลากหลายสายพันธุ์ ทั้ง หมอนทอง พวงมณี ชะนี นวลทองจันทร์ ก้านยาว
ตั้งแต่เดือนเม.ย.ปีนี้ผลผลิตก็จะออกเป็นช่วงๆ มีทั้งคนที่โทรมาจองล่วงหน้า และคนที่เดินทางมากินทุเรียนสดที่สวน เขาจะตัดทุเรียนแก่ ขายเป็นลูกๆ จะซื้อกลับ หรือให้ทางสวนแกะให้ไปนั่งกินชิลล์ภายในคาเฟ่ที่สวนก็ได้
วันที่เราไปทางสวนมีทุเรียนหมอนทอง ราคาทุเรียนกิโลกรัมละ 220 บาท เลยจัดไปทานคู่กับผลไม้อื่นๆในสวน ทั้ง เงาะ มังคุด รางสาด ไปกันสัก 5-6 คนทานแค่นี้ก็อิ่มแล้ว
หรือจะเผื่อท้องต่อไปกินขนมหวานและเครื่องดื่ม ที่มีส่วนผสมจากทุเรียน คาเฟ่ที่นี่ก็มีหลายเมนู อาทิ วาฟเฟิลทุเรียน โทสต์ทุเรียน ข้าวเหนียวทุเรียนทุเรียนมิลค์เช็ก ไอศกรีมทุเรียนหมอนทอง เรียกได้ว่าโดนใจคอทุเรียนเต็มๆ
ทานเสร็จก่อนเข้าที่พัก ถ้ามีเวลาเหลือแนะนำให้ไปเดินเล่นกันได้ที่ “ชุมชนริมน้ำจันทบูร” ชุมชนเก่าแก่กว่า 300 ปีที่เคยมีความเจริญรุ่งเรือง
ปัจจุบันยังพอเห็นบรรยากาศบ้านเก่า เรือนไม้ อาคารปูนสไตล์ชิโน-โปรตุกิส
ไปจนถึงสถาปัตยกรรมแบบจีน ที่นี่ยังมีโรงเจเทียงเซ็งตึ้ง โรงเจแห่งแรกในจันทบุรี ที่ปัจจุบันยังเปิดให้บริการอยู่ เราสามารถเข้าไปสักการะองค์พระศรีอิริยเมตไตรย และชมบรรยากาศโรงเจเก่าแก่
มาที่นี่พลาดไม่ได้กับการซื้อ ฟองเต้าหู้ ข้าวสาลี ทอดกรอบ ที่มีหลายรสมาก อาทิ หมาล่า ต้มยำ มะกรูด เป็นสินค้าโอท็อป เคี้ยวกรุ๊บกรอบกินเพลินๆหมดถุงได้เลย หรือเดินต่อไปอีกนิด ก็มีร้านไอศกรีมแท่ง ใช้ชื่อว่าไอศกรีมตราจรวด มีหลายรส แต่ไฮไลต์ คือ ไอศกรีมกระเบื้อง แปลกดีต้องลอง
ทั้งเรายังเห็นร้านกาแฟเก๋ๆ และที่พักเข้าบรรยากาศในย่านนี้หลายแห่งเลย
แต่สำหรับทริปนี้เราเลือกพักกันที่ “เดอะ โมทีฟส์ อีโค่โฮเทล” ในตัวเมืองจันทบุรี โรงแรมสไตล์มินิมอล ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากสถาปัตยกรรมของบ้านแถวชุมชนริมน้ำจันทบูร ดีไซน์เก๋เน้นแสงเงาและให้ความสำคัญเรื่องสิ่งแวดล้อม
ก่อนจะปิดค่ำคืนนี้กันที่ดินเนอร์อาหารถิ่น กันที่ร้าน “จันทร์โภชนา” เมนูแนะนำ คือ หมูชะมวง ถั่วฝักยาวผัดกะปิใส่กุ้งแห้ง แสร้งว่า เส้นจันท์ผัดปู อาหารถิ่นขนาดแท้เลยจ๊ะ ปิดท้ายคืนนี้แบบอิ่มท้อง
เริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยการโบกมือลาจันทบุรี ใครชอบทุเรียนทอด ต้องแวะ“สวนป้าแกลบ” ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่อง “ทุเรียนทอด” เราชิมแล้วอร่อยจริงสมกับความเป็นโอท็อป 5 ดาว
จากนั้นมุ่งหน้าสู่เมืองแกลง จังหวัด “ระยอง” ใช้เวลาราว 2 ชั่วโมงระหว่างทางใครเป็นสายคาเฟ่ พลาดไม่ได้กับ “Chim cafa” ตรงข้ามโลตัส แกลง คาเฟ่โทนสีขาวน่ารัก ทั้งยังเป็น Pet Friendly โดนใจเหล่าทาสอีกด้วย
เค้กที่นี่มีหลากสไตล์และรสชาติดีงามเลย แนะนำ คอฟฟี่แมค ซึ่งเป็นเค้กกาแฟทานคู่กับแมคคาเดเมียซิฟฟอนเค้กไส้แฮม ยกนิ้วให้เลยหวาน-คาวเข้ากันดี
ขณะที่ซิกเนเจอร์เมนู จะเป็นเค้กมะพร้าว เนื้อนิ่มรสละมุน และยังมีเค้กโฮมเมดเก๋ๆ น่าทานอีกเพียบ ที่ครั้งหน้าต้องแวะไปอีกแน่
แล้วเราก็มาถึง “สวนประยูร” สวนทุเรียนบนพื้นที่กว่า 150 ไร่ ปลูกต้นทุเรียนกว่า 2 พันต้น จุดเด่นของสวนแห่งนี้ คือ มีทุเรียนหลากหลายสายพันธ์ รวมกว่า 20 สายพันธุ์ อาทิ นกหยิบ ก้านยาว พวงมณี นวลทองจันทร์ กระดุมทอง หลงลับแล เม็ดในยายปราง
ขึ้นอยู่กับว่าช่วงที่เราไปสายพันธุ์ไหนจะพร้อมตัดได้ ซึ่งทุเรียนที่สวนเริ่มตัดขายกันตั้งแต่ต้นเดือนเม.ย.ที่ผ่านมาแล้ว ขณะนี้เป็นล็อตสุดท้าย ซึ่งตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย.นี้ก็วายแล้ว สำหรับทุเรียนจันทบุรี และระยอง
มาที่สวนประยูร จะมีบริการรถรางชมสวน นักท่องเที่ยวสามารถนั่งชมสวน ไปจนถึงซื้อทุเรียนสดๆจากสวน
ด้วยความที่ช่วงนี้เป็นช่วงท้ายฤดูทุเรียนแล้ว ราคาขายหน้าร้านก็จะอยู่ที่กิโลกรัมละ 200 กว่าบาทแล้วแต่สายพันธุ์ ทางสวนจะแกะให้แล้วเรามานั่งทานกันที่ “อชิ คาเฟ่” ได้เลย
บรรยากาศคาเฟ่ในสวน 360 องศา น่ารักตะมุตะมิ ให้กลิ่นอายญี่ปุ่นนิดๆ มีพื้นที่ในแบบเอ้าท์ดอร์และอินดอร์ ให้เราดื่มด่ำธรรมชาติพร้อมๆไปกับกินทุเรียนหลากหลายสายพันธ์กันจนฟิน
ใครพลาดต้องรอไปกินทุเรียนรอบใหม่ในปีหน้าเลยจ๊ะ
หน้า 17 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,893 วันที่ 4 - 7 มิถุนายน พ.ศ. 2566