ใครกำลังมองหาที่เที่ยวเก๋ๆในมุมมองแปลกใหม่ พลาดไม่ได้กับ “25 แหล่งท่องเที่ยวอันซีน” หรือ “Unseen New Chapters 2566” ที่ผ่านการโหวตจาก 77 จังหวัดทั่วไทย จนได้ Top 25 จุดปักหมุดท่องเที่ยวในมุมใหม่ ที่แตกต่าง เป็นไกด์ไลน์ในการเดินทางเที่ยวไทยในปี 2566 นี้ เราจะพาไปชวนเที่ยวกัน
“ภาคเหนือ”
สัมผัส “มหัศจรรย์น้ำตกหมอกเมืองไทย” กันที่ “น้ำตกตาดใหญ่” อ.น้ำหนาว “จ.เพชรบูรณ์” ว๊าวๆ ทิวทัศน์อันน่าเหลือเชื่อของหุบเขาน้ำตกขนาดยักษ์ กับความมหัศจรรย์ของน้ำตกเหนือทะเลหมอก สวยบาดใจ แนะนำให้มาช่วงเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม
การเดินทางเมื่อมาถึงบ้านดงมะไฟ เลี้ยวซ้ายไปตามถนนดินอีก 2 กิโลเมตร จากลานจอดรถเดินลงไปตามชั้นหินระยะทางประมาณ 100 เมตร และถ้าใครอยากสัมผัสน้ำตกแห่งนี้อย่างใกล้ชิด สามารถใช้เส้นทางแอดเวนเจอร์ลัดเลาะจากป่าด้านบนสู่เบื้องล่างของน้ำตกได้
พิกัด : คลิ๊กที่นี่
แลนด์มาร์คแห่งใหม่บริเวณเกาะยม อ.เมือง “จ.นครสวรรค์” ด้วยดีไซน์สุดล้ำเหมือนหลุดออกมาจากโลกอนาคต ทำให้ “พาสาน” หนึ่งในสถาปัตยกรรมที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย สมฉายา อันเป็นสัญลักษณ์ของต้นแม่น้ำเจ้าพระยา แหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม สมฉายา “ความศิวิไลซ์แห่งปากน้ำโพ”
พิกัด : คลิ๊กที่นี่
ไม่ต้องไปถึงญี่ปุ่นก็ “นมัสการพระใหญ่ ลมหายใจแห่งไดบุตสึ” กันได้ที่ วัดพระธาตุดอยพระฌาน อ.แม่ทะ “จ.ลำปาง” วัดที่มีสถาปัตยกรรมด้านพุทธศิลป์ที่งดงาม บนยอดดอยพระฌาน นอกจากสักการะองค์พระธาตุแล้ว ถ้ามาตอนเช้ายังเห็นภาพความงามของพระอาทิตย์ขึ้นท่ามกลางทะเลหมอก ก่อนที่จะไปแขวนกระดิ่งขอพรจากพระพุทธรูปไดบุตสึกันได้ตลอดทั้งปี
พิกัด : คลิ๊ก
วัดเก่าแก่ของอ.เมือง “จ.ลำพูน” ที่มีตำนานสืบเนื่องมากว่า 1,300 ปี มีศาสนสถานสำคัญมากมายภายในวัด ทั้งประตูโขง ราชสีห์คู่ วิหารหลวง องค์พระธาตุหริภุญชัย ปทุมวดีเจดีย์ เขาพระสุเมรุจำลอง และถ้ามาช่วง “เทศกาลโคมแสนดวงเมืองลำพูน” จะเป็นช่วงเวลาพิเศษที่จะได้ถวายโคมสีสวยแด่องค์พระธาตุหริภุญชัย เมื่อมองไปเหมือนทะเลโคมนับแสนที่แขวนอยู่ รับรู้ได้ถึงพลังศรัทธาที่ยิ่งใหญ่และความสวยงาม “ตระการตาแห่งสีสัน มหัศจรรย์ทะเลโคม”
พิกัด : คลิ๊ก
ท่ามกลางหุบเขาอันเงียบสงบของอ.นาน้อย “จ.น่าน” สถานที่แห่งนี้คือบริเวณที่ “ครูบาน้อย” เกจิชื่อดัง เดินทางเข้าไปปฏิบัติธรรมอยู่ในถ้ำเป็นเวลาถึง 3 ปี ส่งผลให้พุทธสถานถ้ำเชตวัน กลายเป็น “ธรรม ในถ้ำ” อันเป็นหมุดหมายของนักเดินทางสายบุญ ที่ต่างแวะเวียนมาค้นหาปริศนาธรรมในถ้ำ หลายคนตั้งใจมาสักการะองค์พระธาตุอินแขวน รวมถึงขอพรจากพระเจ้าทันใจ กันได้ตลอดทั้งปี
พิกัด : คลิ๊ก
“ภาคอีสาน”
เราจะพาไป “ท่องอาณาจักรสวนหินล้านปี มอหินขาว” กันที่อ.เมือง “จ.ชัยภูมิ” แหล่งท่องเที่ยวในเขต “อุทยานแห่งชาติภูแลนคา” มีจุดเด่นอยู่ที่ “เสาหินยักษ์ 5 ก้อน” ที่หลายคนบอกว่า คล้ายกับ “สโตนเฮนจ์” ของอังกฤษ และจะยิ่งสวยงามเป็นทวีคูณในช่วงฤดูฝน เพราะจะได้ชื่นชมดอกไม้ป่าที่กำลังบานสะพรั่ง ใครเป็นสายแคมป์ปิ้งพลาดไม่ได้กับการดูดาว เป็นจุดชมดวงดาวและทางช้างเผือกระดับท็อปที่ควรค่าแก่การมาเยือน
พิกัด : คลิ๊ก
ใครเป็นสายเอ็กซ์เซอร์ไซส์ มา “พิสูจน์ความฟิต พิชิตทะเลหมอก” กัน ณ วนอุทยานภูบ่อบิด ห่างจากตัว อ.เมือง “จ.เลย” ราว 1 กิโลเมตร เราจะเห็น “ภูบักบิด” หรือ ภูบ่บิด เป็นภูเขาเล็กๆ ที่นี่เป็น “หอชมทะเลหมอกใจกลางเมือง” หนึ่งเดียวในไทย การพิชิตยอดภู สูดอากาศบริสุทธิ์พร้อมอาทิตย์ขึ้นท่ามกลางทะเลหมอก คุ้มค่ามาก
พิกัด : คลิ๊ก
ณ ผืนป่า “บ้านพญากูปรี” อ.ภูสิงห์ “จ.ศรีสะเกษ” เคยมีการค้นพบ “กูปรี” สัตว์ป่าที่สูญพันธุ์ไปแล้ว “ผาพญากูปรี” เป็นจุดชมวิวที่มีอากาศเย็นบริสุทธิ์จากแนวเทือกเขาพนมดงรัก เป็นจุดชมธรรมชาติที่สวยงามของลำห้วยสำราญ แหล่งต้นน้ำสำคัญ และยังมีเส้นทางเดินลงไปชมภาพวาดพญากูปรี เที่ยวชมน้ำตกพญากูปรีได้อีกด้วย ใครมาก็ต้อง “ชมวิวบนยอดผา ณ ผืนป่าบ้านพญากูปรี”แห่งนี้
พิกัด : คลิ๊ก
สัมผัสมนต์เสน่ห์วิถีของชุมชนเชิงวัฒนธรรมเก่าแก่ ของชาวบ้านชุมชนบ้านปรางค์นคร อ.คง “จ.นครราชสีมา” ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ชม “บ้านเรือนไทยโคราช” อายุกว่า 100 ปี ที่ปัจจุบันยังมีคนพักอาศัยอยู่จริง
“สะพานข้ามบารายสวรรค์” สะพานไม้ไผ่ที่เกิดจากความสามัคคีของชาวบ้าน ไฮไลท์ห้ามพลาด คือ กิจกรรมรับพลังจักรวาลที่ “ปราสาทบ้านปรางค์” โบราณสถานศักดิ์สิทธิ์ ประจำหมู่บ้าน กิจกรรมพายเรืออีโปงกับชิมอาหารพื้นถิ่น เป็นเสน่ห์เหนือกาลเวลา ณ ชุมชน อาณาจักรย่าโมแห่งนี้
พิกัด : คลิ๊ก
อลังการ “มหาศรัทธา มหาอุโบสถตะเคียนทอง” ณ วัดพุทธวนาราม (วัดป่าวังน้ำเย็น) อ.เมือง “จ.มหาสารคาม” พระอุโบสถที่สร้างจากไม้ตะเคียนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ใช้เสาไม้ตะเคียนทองมากถึง 32 ต้น ขนาด 4 คนโอบ พระอุโบสถสูงกว่า 20 เมตร ภายในมีองค์พระประธานปางนาคปรก แกะสลักจากไม้สักทองทั้งองค์ จุดหมายนักท่องเที่ยวสายบุญ
พิกัด : คลิ๊ก
“ภาคกลาง”
“ธรรมะแกลลอรี่ คอมมูนิตี้กลางหุบเขา” อ.แก่งคอย “จ.สระบุรี” อาคารสีขาวบริสุทธิ์ซ่อนตัวอยู่กลางหุบเขา สักการะพระบรมสารีริกธาตุ 18 พระองค์ ชมภาพปักพระบรมโลกนาถ หอจัตุรัสอันศักดิ์สิทธิ์ นิทรรศการร่วมสมัยบอกเล่าความเป็นมาเป็นไปของพระพุทธเจ้า ห้องจัดแสดงงานอาร์ต ที่แฝงไว้ด้วยปริศนาธรรม
พิกัด : คลิ๊ก
รูโบ๋เด่นเป็นสง่ากลางลำตัวของภูเขา “อีบิด” บ้านคีรีวงศ์ อ.เขาย้อย “จ.เพชรบุรี” คือ “ถ้ำโบ้” ถ้ำตื้น สูงโปร่ง มีหินงอกหินย้อยสวยงาม มองลอดโพรงออกไปด้านหน้า จะเห็นทิวทัศน์เมือง ส่วนด้านหลังถ้ำมีลานกว้าง เป็นจุดชมวิวทิวต้นตาล ซิกเนเจอร์เมืองเพชร เป็นจุดชมดวงอาทิตย์ขึ้นและตกที่งดงาม เหมาะกับคนที่อยากได้รูปมุมปังๆ ไม่แนะนำให้มาช่วงหน้าฝน เพราะค่อนข้างลื่น
พิกัด : คลิ๊ก
อุโมงค์แห่งนี้เป็นเหมืองแร่เก่า ใน อ.ทองผาภูมิ “จ.กาญจนบุรี” ยาว 2,300 เมตร เป็นพื้นที่ท่องเที่ยวโดยชุมชน เหมืองปกคลุมด้วยผืนป่า ไฮไลท์คือการลอดอุโมงค์ ภายใต้ความมืด กลับมีอากาศเย็นสบาย เมื่อแสงไฟสาดส่องไปยังไอหมอกที่ปกคลุมบริเวณปากอุโมงค์ คล้ายกับประตูกาลเวลา และเมื่อได้ผ่านทะลุออกไป ราวกับว่าได้ทะลุผ่านจากมิติหนึ่งไปสู่อีกมิติหนึ่ง ใครชอบฟิลลิ่งแบบ “ฝ่าอุโมงค์สามมิติ พิชิตป่าล้อมเหมือง” ต้องมา
พิกัด : คลิ๊ก
สายอาร์ตพลาดไม่ได้กับ “อันซีนภูผาแรด มุมลับสุดอาร์ตแห่งราชบุรี” หน้าผามีร่องรอยเว้าแหว่งจากแรงระเบิด ซ่อนตัวอยู่กลางหุบเขาอุทยานหินเขางู ความสวยงาม ขึ้นอยู่กับแสงแดดที่ส่องลงบริเวณหน้าผาแต่ละฝั่ง จับตาวินาทีที่น้ำนิ่งจนเกิดภาพเงาสะท้อนคล้ายภาพ Abstract บนผิวน้ำ เป็นงานอาร์ตที่ธรรมชาติรังสรรค์
พิกัด : คลิ๊ก
“พระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศ” สร้างขึ้นจากพลังศรัทธาของมวลชนที่มีต่อ ตัวอาคาร 5 ชั้น คือการครองราชย์ครบ 50 ปี ส่วนเจดีย์หมู่ 9 องค์ หมายถึงวัดประจำรัชกาลที่ 9 ด้านบนของเจดีย์ยังเป็นจุดชมวิวดวงอาทิตย์ขึ้นและตกแห่งเมืองประจวบ มองเห็นชายหาดบ้านกรูดและทิวมะพร้าวสุดสายตา ที่นี่จึงเป็น “มหาเจดีย์แห่งรัชสมัย ความภาคภูมิใจแห่งบางสะพาน” จ.ประจวบคีรีขันธ์
พิกัด : คลิ๊ก
ถ้าคุณเป็นคู่รักที่มีหัวใจอนุรักษ์ เกาะสีชัง “จ.ชลบุรี” ถือเป็นจุดหมายที่ลงตัว ด้วยความอันซีนของจุดชมวิวที่มีให้เลือกสร้างซีนโรแมนติกได้ถึง 5 จุด ทั้งปลายแหลมถ้ำพัง เสาธงอัษฎางค์ สะพานอัษฎางค์ ช่องอิสริยาภรณ์ ไปจนถึงทะเลแหวกท้ายเกาะ ไม่ว่าจะอยากชมพระอาทิตย์ขึ้นหรือตก ก็มีให้เลือกฟินกันได้ ทั้งยังเป็นเกาะรักษ์สิ่งแวดล้อม เหมาะกับการเป็น “อันซีนเกาะแห่งรัก(ษ์)...ที่สีชัง”
พิกัด : คลิ๊ก
สายมูพลาดไม่ได้เลย กับ “เส้นทางท่องวังพญานาควัดมณีวงศ์” “จ.นครนายก” วัดที่เกิดขึ้นจากพญานาคที่มาเข้าฝัน “หลวงพี่ต่อ” เจ้าอาวาสวัดมณีวงศ์ และได้พาหลวงพี่ไปชมคลังมหาสมบัติที่เมืองบาดาล เพื่อให้เกิดภาพจำและนำกลับไปสร้างที่วัด จนเกิดเป็นความอลังการของงานประติมากรรมพญานาคกว่า 1,000 ตน ที่อาศัยเวียนวนอยู่ในถ้ำขนาดใหญ่ โดยจำลองบรรยากาศความยิ่งใหญ่มาจากเมืองบาดาล สู่ความงดงามที่ถูกถ่ายทอดผ่านงานปั้นชั้นครู
พิกัด : คลิ๊ก
วัดที่ถูกน้ำทะเลกัดเซาะจนพื้นที่ใช้สอยภายในวัดหายไปเกินครึ่ง เราจึงได้เห็นทั้งโบสถ์กลางน้ำในทะเล ที่ทางวัดได้สร้าง “ซีวอล์ค” หรือ สะพานกระจกใส สะพานแก้วที่ทอดตัวออกไปในท้องทะเล ที่กลายเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกของเมืองแปดริ้ว ช่วงเวลาน้ำขึ้น
ดูผิวเผินจะดูคล้ายกับผู้คนกำลังเดินอยู่บนผิวน้ำ และเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกทะเลแห่งใหม่ ของ อ.บางปะกง “จ.ฉะเชิงเทรา” ที่หลายคนอยากมา “เก็บแสงสุดท้ายที่ปลายสะพานแก้ว จุดชมพระอาทิตย์ตกเมืองแปดริ้ว”
พิกัด : คลิ๊ก
“วัดถ้ำเขาประทุน” อ.เขาชะเมา “จ.ระยอง” เป็นวัดที่มีภูมิประเทศเป็น หุบ ผา และยอดเขาสูง มีถ้ำเล็กถ้ำน้อยที่เต็มไปด้วยหินงอกหินย้อยอยู่ภายใน ด้านหน้าของวัดมี “ถ้ำพญานาคราช” เป็นถ้ำรับแขก และมีลำแสงจากช่องเขารูปทรงพญานาค
ทำให้ “ถ้ำพญานาคราช” มองแล้วชวนอัศจรรย์ใจ ไฮไลท์คือการนั่งเรือลอดถ้ำเข้าไปยัง “หุบผาสวรรค์” ที่พอหลุดจากความมืดของถ้ำ เหมือนทะลุออกมายังอีกมิติหนึ่ง ประกอบไปด้วยถ้ำนาคี ถ้ำรอยพระพุทธบาท ถ้ำหินงอกหินย้อย
ทั้งยังมี “โพรงพญานาค” ซึ่งเป็นจุดที่ผู้เฒ่าผู้แก่เล่าว่า เคยพบเห็นพญานาคเลื้อยผ่านเข้าออก โดยรวมถือเป็นวัดที่เต็มไปด้วยพลังศรัทธาแห่งพญานาค เราสามารถท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี กิจกรรมพิเศษ อย่างนั่งเรือลอดถ้ำ จะจัดขึ้นในช่วงฤดูฝน ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม-พฤศจิกายน ใครอยาก “Unseen ถ้ำในถ้ำ สำรวจความลึกลับแห่งหุบเขาพญานาค” ต้องที่นี่เลย
พิกัด : คลิ๊ก
นักท่องเที่ยวสายแอดเวนเจอร์ พลาดไม่ได้กับการ “ผจญภัยเมืองบาดาล พิสูจน์ตำนานพญานาคแห่งถ้ำน้ำเขาศิวะ” ถ้ำที่มีน้ำไหลตลอดทั้งปี ด้านในของถ้ำจึงมีสภาพเหมือนสระว่ายน้ำ ต้องสวมชูชีพแล้วเกาะห่วงยางลอยคอเข้าไป ชมหินงอกหินย้อยรูปทรงหลากหลายตามจินตนาการ และยังมีตำนานพ่อปูพญานาคองค์สีแดง
ชาวบ้านเคยพบเห็นแหวกว่ายอยู่ภายในถ้ำ ซึ่งเป็นที่มาของศาลพ่อปู่นาคาที่ตั้งอยู่บริเวณปากถ้ำ ตลอดทริปมีเจ้าหน้าที่คอยนำทางและบรรยายเรื่องราวของแต่ละจุดให้ฟังตลอดทริป นักท่องเที่ยวสามารถเข้าผจญภัยเมืองบาดาลได้ตลอดทั้งปี ตั้งแต่เวลา 10.00- 16.00 ณ อ.คลองหาด “จ.สระแก้ว”
พิกัด : คลิ๊ก
“ภาคใต้”
อุทยานธรรมเขานาในหลวง อ.พนม “จ.สุราษฎร์ธานี” เป็นสำนักสงฆ์ที่สร้างขึ้นด้วยพลังศรัทธาของชาวบ้าน มีความวิจิตรของประตูพุทธวดี หรือซุ้มประตูแห่งกาลเวลา ซิกเนเจอร์อันแสนงดงามยามเมื่อแสงเช้าตกกระทบ ก่อนจะต่อยอดพลังศรัทธา ด้วยการสร้าง เจดีย์ร้อยยอดพันองค์ เจดีย์ลอยฟ้าพุทธศิลาวดี เจดีย์ลอยฟ้าพุทธราชาวดี ทำให้ปัจจุบันสถานที่แห่งนี้ เป็นเหมือนสวรรค์บนดิน
โดยเฉพาะยามทะเลหมอกเลื้อยพันรอบยอดเขา เจดีย์แต่ละองค์จะดูคล้ายกับลอยอยู่บนก้อนเมฆ เป็นภาพอุทยานธรรมลอยฟ้าที่ดูตื่นตา น่าอัศจรรย์ใจ นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาชมความมหัศจรรย์ได้ตลอดทั้งปี สมกับการ “ท่องอุทยานธรรมลอยฟ้า พลังศรัทธาแห่งเขานาในหลวง”
พิกัด : คลิ๊ก
“หมู่เกาะกำ” ประกอบด้วย 3 เกาะ คือ “เกาะกำตก” หรืออ่าวเขาควาย ด้วยเอกลักษณ์ของอ่าวเป็นชายหาดที่โค้งมาติดกันเป็นรูปวงกลมตามแนวเหนือ-ใต้ ด้วยความมหัศจรรย์นี้ ชายหาดที่นี่จึงขาวสะอาด เนื้อทรายเนียนละเอียด น้ำทะเลโดยรอบเกาะเป็นสีฟ้าใส สามารถเล่นน้ำได้
“เกาะค้างคาว” ในอดีตเคยมีค้างคาวแม่ไก่ที่เคยอาศัยอยู่นับพันตัว บริเวณหน้าเกาะมีหาดทรายสีขาวละเอียดและนุ่มดั่งแป้งเด็ก น้ำทะเลใสมองเห็นทราย โขดหิน และปะการังใต้น้ำได้แบบชัดเจน รอบๆ เกาะสามารถดำน้ำชมปะการังได้ทั้งแบบน้ำตื้นและน้ำลึก จุดดำน้ำตื้นจะอยู่ตรงบริเวณหัวเกาะมีปะการังและปลาการ์ตูนนีโม่ที่ว่ายอยู่ในดอกไม้ทะเล
“เกาะญี่ปุ่น” ชาวบ้านเล่าว่า เมื่อก่อนเคยมีชาวญี่ปุ่นมาเลี้ยงหอยมุก บางคนก็บอกว่าที่นี่เป็นที่ประกอบอาหารส่งเสบียงให้แก่ทหารญี่ปุ่นในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 สภาพพื้นที่มีภูเขาเล็ก ๆ ด้านหน้าเกาะเป็นแนวชายหาด หาดทรายมีสีขาวละเอียด บริเวณรอบเกาะสามารถดำน้ำชมปะการัง มีปลาการ์ตูนนีโม่และปลาสวยงามอย่างอื่นมากมาย
ทั้ง 3 เกาะถูกเรียกว่า “หมู่เกาะหลงยุค” อาจด้วยการที่หมู่เกาะแห่งนี้ ยังคงความเป็นธรรมชาติดั่งเดิมไว้ เพราะแม้แต่ชาวบ้านเอง ก็ยังคงเลือกใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติแถบนี้แบบเดิมๆ ทำให้หมู่เกาะกำมีความสงบเงียบ เพียบพร้อมด้วยธรรมชาติอันสวยงามและอุดมสมบูรณ์ชนิดเกาะอื่นเลียนแบบได้ยาก เป็นหมู่เกาะที่ไม่หมุนไปตามกาลเวลา รอการเดินทางมาพิสูจน์ความหลงยุค ซึ่งเราสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ในช่วง วันที่ 16 ตุลาคม-15 พฤษภาคมของทุกปี
พิกัด : คลิ๊ก
สัมผัส “พลังศรัทธาใต้มหาสมุทร รอยพระพุทธบาทแห่งอันดามัน” ณ “สำนักสงฆ์เกาะแก้วพิสดาร” อ.เมือง “จ.ภูเก็ต” รอยพระพุทธบาทในทะเล เป็นรอยพระพุทธบาท รอยที่ 5 “นัมมทานที” 1 ใน 5 รอยพระพุทธบาทที่ได้รับความศรัทธาจากพุทธศาสนิกชนทั่วโลก เราจะมองเห็นรอยพระพุทธบาทได้อย่างชัดเจน เมื่อน้ำทะเลลด สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี (ยกเว้นช่วงมรสุม)
พิกัด : คลิ๊ก
ตื่นตาไปกับ “มหัศจรรย์แห่งชั้นหิน งานศิลป์ถิ่นเมืองคอน” อ.ขนอม “จ.นครศรีธรรมราช” ผาหินรูปร่างแปลกตากลางทะเลขนอม ปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยาที่มีอยู่น้อยแห่งบนโลกใบนี้ มีลักษณะเป็นแผ่นหินซ้อนเรียงกันเป็นชั้นๆโดยชาวต่างชาติเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “Pancake Rock”
ส่วนคนไทยรู้จักกันในชื่อ “หินพับผ้า” เพราะดูคล้ายกับผ้าที่พับซ้อนกันเป็นชั้นๆ เป็นความมหัศจรรย์ของธรรมชาติเมืองคอน เราสามารถเช่าเรือจากชุมชนแหลมประทับ เพื่อมาเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติแห่งนี้ได้ตลอดทั้งปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ ลม ฟ้า และอากาศ แต่ช่วงที่แนะนำ คือ เดือนม.ค.-เม.ย.
พิกัด : คลิ๊ก
“ตะรุเตา” จ.สตูล เป็นเกาะที่เต็มไปด้วยตำนานและคำบอกเล่า ทั้งขุมสมบัติ ถ้ำลับ โจรสลัด สัตว์ร้าย หรือแม้กระทั่งต้นไม้มีพิษ แต่ในคำบอกเล่าสุดแฟนตาซี ถือว่ายังมีเค้าโครงจากเรื่องจริง ด้วยเป็นเกาะขนาดใหญ่ที่มีภูมิประเทศหลากหลาย แถมยังเงียบสงบ จึงไม่แปลกหากตะรุเตาจะเต็มไปด้วยพืชพรรณแปลกๆ สัตว์หายาก
นอกจากนี้ยังมีธรรมชาติและชายหาดสวยๆ และบนเกาะแห่งนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์มากมาย โดยเฉพาะสถานกักกันตัวนักโทษ ซึ่งท้ายสุดแล้วกลายเป็นที่มาของตำนาน “โจรสลัดแห่งตะรุเตา” เรื่องเล่าที่ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์และนวนิยายมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง มาร่วม “ผจญภัยในตะรุเตา ตามหาเงาราชาโจรสลัดเมืองไทย” กันได้ในเดือนต.ค.-พ.ค.ของทุกปี
พิกัด : คลิ๊ก
ใครชอบเที่ยวแบบไหนก็เลือกแหล่งท่องเที่ยวที่ใช่ในสไตล์ตัวเอง รับรองเที่ยวกันแบบชิลล์ๆฟินๆกันไปเลย
หน้า 17 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,901 วันที่ 2 - 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2566 / ฉบับที่ 3,903 วันที่ 9 - 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2566
Cr. การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)