ธุรกิจรถเช่าเล่นสงครามราคา กดค่าเช่าต่ำดึงลูกค้า คาดตลาดรวมปีนี้โต 5% กรุงไทยคาร์เร้นท์ฯเผยรายรับเกิน 2,000 ล้านบาท เติบโตสูงกว่าตลาด เตรียมจัดพอร์ตใหม่รับลูกค้า SMEs
นายพิเทพ จันทรเสรีกุล กรรมการผู้จัดการบริษัท กรุงไทยคาร์เร้นท์แอนด์ลีส จำกัด (มหาชน) หรือ KCAR ผู้ดำเนินธุรกิจรถเช่ารายใหญ่ เปิดเผยว่า ปี 2559 บริษัท สามารถรักษาอัตราการเติบโตได้ที่ระดับ 10 % ด้วยยอดรายได้มากกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งเติบโตมากกว่าภาพรวมของธุรกิจที่คาดว่าจะเติบโตที่ 5% ทั้งนี้ จำนวนรถยนต์ให้เช่าในพอร์ตยังเพิ่มขึ้นเป็น 7,600 คัน จากปี 2558 ที่มีจำนวน 6,900 คัน ขณะที่มูลค่าสินทรัพย์รถยนต์เช่ายังขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น 4,000 ล้านบาท
สำหรับมูลค่าตลาดรวมรถเช่าทั้งหมดประมาณ 4หมื่นล้านบาทเป็นของผู้ประกอบการรถเช่ารายใหญ่ประมาณ 10 ราย คิดเป็นส่วนแบ่งทางการตลาด (Market Share) อยู่ที่ 80 % และบริษัท ติดอยู่ 1 ใน 5 ของผู้ประกอบการรายใหญ่ดังกล่าวและแม้ธุรกิจรถยนต์เช่ามีการแข่งขันกันค่อนข้างสูง โดยส่วนใหญ่ใช้กลยุทธ์ด้านราคา ซึ่งผลจากการแข่งขันดังกล่าวทำให้ผู้ประกอบการบางรายประสบปัญหาขาดทุนหรือผลประกอบการด้านกำไรลดลง เนื่องจากการประมาณการที่ผิดพลาดหรือบางรายประเมินราคาขายต่อสูงเกินไป
ในส่วนบริษัทพยายามรักษาผลประกอบการให้มั่นคง และไม่ลงไปเล่นในการแข่งขันด้านราคาที่ต่ำสุด แต่ที่บริษัท มีอัตราการใช้ซ้ำจากลูกค้าเดิมในอัตราที่สูงเป็นเพราะคุณค่าโดยรวมที่ลูกค้าได้รับ ทั้งคุณภาพการให้บริการ และมาตรฐานความปลอดภัย เนื่องจากรถยนต์เช่าจะครอบคลุมการบริการด้านต่างๆ ตลอด 3-5 ปี ของสัญญาเช่า ความคุ้มค่าจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
ปัจจุบันบริษัทฯมีลูกค้าหน่วยงานรัฐวิสหกิจ-ราชการ 20% และบริษัทเอกชน เกือบ 80% มีอายุการเช่าระยะยาวไม่เกิน 5 ปี ที่เหลือประมาณ 2 % เป็นลูกค้ารายย่อยที่เช่ารถยนต์เป็นรายวัน และในปีหน้าบริษัทเตรียมขยายฐานลูกค้าไปที่ผู้ประกอบการธุรกิจ SMEsโดยจะลดระยะเวลาของสัญญา (Terms & Condition) ให้กับธุรกิจ SMEsเพียง 1-3 ปี อันจะช่วยให้ธุรกิจ SMEsสามารถควบคุมต้นทุนได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,219 วันที่ 18-21 ธันวาคม 2559