เมอร์เซเดส-เบนซ์ ตั้ง 4 ดีลเลอร์ขาย Maybach  – EQ พลังงานไฟฟ้า

02 ก.ค. 2564 | 06:44 น.
อัปเดตล่าสุด :05 ก.ค. 2564 | 11:00 น.

เมอร์เซเดส-เบนซ์ เตรียมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ ในตระกูลหรู Maybach และรถพลังงานไฟฟ้า100% EQ ในไทย พร้อมตั้ง 4 ดีลเลอร์ ดูและการขายบริการ-หลังการขายในแต่ละซับแบรนด์

ช่วงไตรมาส 3 ปี 2564 ต่อเนื่องถึงต้นปี 2565 เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทยจะมีรถยนต์ไฮไลต์ภายใต้ 2 ซับแบรนด์ คือ อัครยานยนต์ Maybach และรถพลังงานไฟฟ้า100% ตระกูล EQ ทำตลาดในไทย โดยครึ่งปีหลัง 2564 จะมี  Mercedes Maybach GLS และ Mercedes Maybach S-Class  พร้อมตั้ง 4 เอ็กซ์คลูซีฟ ดีลเลอร์เข้ามาดูการขายและบริการหลังการขาย ขณะที่ EV จะเริ่มประกอบในไทยและทำตลาดต้นปี 2565 คือรุ่น EQS โดยตั้ง 4 ดีลเลอร์เข้ามาดูแลการขายและบริการหลังการขายเช่นกัน

สำหรับรถพลังงานไฟฟ้า 100% ตระกูล  EQ เดิมเคยวางไว้ที่บิ๊กโฟร์รายเก่าแก่อย่าง เบนซ์ ทีทีซี,เบนซ์ ตลิ่งชัน, เบนซ์ บีเคเค และ เบนซ์ สวนหลวง แต่ล่าสุดปรับแผนลงทุนอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงในบางดีลเลอร์ ต้องรอการยืนยันอีกครั้ง ส่วนดีลเลอร์ ที่ได้ดูแลตลาด Mercedes Maybach คือ เบนซ์ ทีทีซี,เบนซ์ บีเคเค,เบนซ์ สตาร์แฟลก และ เบนซ์ ไพรม์มัส

 Mercedes Maybach GLS 

สำหรับรถพลังงงานไฟฟ้า 100% EQS เพิ่งเปิดตัวในตลาดโลก 16 เมษายน ที่ผ่านมาเคลมว่า ชาร์จไฟเต็มหนึ่งครั้ง สามารถวิ่งได้ระยะทาง 770 กม. จากแบตเตอรี่ 107.8กิโลวัตต์ชั่วโมง บน 2 ระดับความแรง ดังนี้

  • EQS 450+ มอเตอร์ขับเคลื่อนล้อหลัง 1 ตัวให้กำลัง 328 แรงม้า แรงบิด 568 นิวตัน-เมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 6.2 วินาที ความเร็วสูงสุด 210 กม./ชม.
  • EQS 580 4MATIC มอเตอร์ 2 ตัวหน้า-หลัง ให้กำลังวม 516 แรงม้า แรงบิด 855 นิวตัน-เมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 4.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 210 กม./ชม.

ปัจจุบันเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย มีโชว์รูม-ศูนย์บริการ 34 แห่ง และศูนย์บริการ(อย่างเดียว) 7 แห่ง ในจำนวนนี้เป็น เอ็กซ์คลูซีฟ ดีลเลอร์ ที่ได้สิทธิ์ขายแบรนด์ Mercedes AMG 15 แห่ง

นายโรลันด์ โฟล์เกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า การเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัล และการฟื้นตัวหลังสถานการณ์โควิด-19 บริษัทวางเป้าหมายที่จะรีเซ็ตเครือข่ายผู้จำหน่าย เพื่อรองรับการขายในรูปแบบใหม่ และเพราะความกล้าในการก้าวข้ามขีดจำกัดเป็นส่วนหนึ่งในดีเอ็นเอของเมอร์เซเดส-เบนซ์มาตลอด  ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของเราที่จะกล้าลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลง เพื่อเตรียมความพร้อมในการดำเนินกลยุทธ์การขายใหม่ในครั้งนี้”

ภายใต้กลยุทธ์เพิ่มประสิทธิภาพการขาย และการบริการแบบใหม่ เมอร์เซเดส-เบนซ์ตั้งเป้าหมายเพิ่มปริมาณการขายต่อจุดขายและบุคลากร ตลอดจนการเพิ่มการเติบโตของธุรกิจผ่านช่องทางออนไลน์ ควบคู่ไปกับการเติบโตของศูนย์บริการ พร้อมเพิ่มความหลากหลายในรูปแบบการขาย โดยเฉพาะการเพิ่มศูนย์บริการเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ยืนยันว่า โชว์รูมและศูนย์บริการจะยังคงเป็นส่วนสำคัญของธุรกิจ แต่ต้องปรับบทบาทใหม่ โดยเปลี่ยนโชว์รูมให้กลาย touchpoint ที่ช่วยเติมเต็มประสบการณ์ และให้ลูกค้าสามารถกำหนดทุกอย่างได้ตามความต้องการ

“เราต้องการรักษาอัตราการเติบโตในทุกธุรกิจ แต่การโตแล้วต้องมีกำไร ทั้ง เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย และดีลเลอร์”นายโฟล์เกอร์ กล่าว