ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ ขยับแผนรุกตลาดบิ๊กไบค์ ด้วยการเปิดตัวรถจักรยานยนต์ภายใต้ตระกูลโมเดิร์นคลาสสิก ปี 2021 5 รุ่นใหม่ล่าสุด ได้แก่ “บอนเนวิลล์ ที120 และบอนเนวิลล์ ที120 แบล็ค” (Bonneville T120, Bonneville T120 Black) 1,200ซีซี ,“บอนเนวิลล์ ที100” (Bonneville T100) “สตรีท ทวิน” (Street Twin) และรุ่น “สตรีท ทวิน โกลด์ไลน์ ลิมิเต็ด อิดิชัน” (Street Twin Gold Line Limited Edition) 900ซีซี
นาย มาร์เซโล ซิลวา ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกฝ่ายขาย และการตลาด บริษัท ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ จำกัด เปิดเผยว่า ไทรอัมพ์ได้เปิดตัวรถรุ่นใหม่ล่าสุด ปี 2021 และพร้อมเปิดให้จับจองเป็นเจ้าของตั้งแต่วันนี้ เป็นต้นไปที่ โชว์รูมผู้แทนจำหน่ายไทรอัมพ์ทั้ง 13 แห่งทั่วประเทศ โดย“บอนเนวิลล์ ที120” ราคาอย่างเป็นทางการ 557,000 บาท “บอนเนวิลล์ ที120 แบล็ค” ราคา 557,000 บาท “บอนเนวิลล์ ที100” ราคา 457,000 บาท “สตรีท ทวิน” ราคา 395,000 บาท และรุ่น “สตรีท ทวิน โกลด์ไลน์ ลิมิเต็ด อิดิชัน” ราคา 420,000 บาท
สำหรับไฮไลท์และจุดเด่นของรถทั้ง 5 รุ่นมีดังนี้
“บอนเนวิลล์ ที120” (Bonneville T120) และ “บอนเนวิลล์ ที120 แบล็ค” (Bonneville T120 Black) ปี 2021 ถือว่าเป็นการอัพเกรดครั้งสำคัญ มาพร้อมเครื่องยนต์สูบคู่แรงบิดสูง 1200ซีซี มีน้ำหนักเบาลงจากการใช้เพลาข้อเหวี่ยงที่เบาลงผสานเข้ากับคลัตช์ และเพลาบาลานเซอร์ที่ได้รับการปรับแต่งใหม่ ส่งผลให้แรงเฉื่อยลดลง ช่วยให้เครื่องยนต์รุ่นใหม่นี้มีการตอบสนองที่รวดเร็วและทันใจ ให้แรงบิดสูงสุด 105 นิวตันเมตร ที่รอบต่ำ 3,500 รอบต่อนาที และกำลังสูงสุด 80 แรงม้า ที่ 6,550 รอบต่อนาที
ในขณะที่ด้านขีดความสามารถในการขับขี่ได้รับการพัฒนาเพิ่มขึ้นด้วยเบรก Brembo พร้อมจานเบรกคู่ และคาลิปเปอร์เบรกคู่ แบบ 2 สูบรุ่นใหม่ที่สเปคสูงขึ้น ด้านความปลอดภัยและการควบคุมก็ได้รับการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพสูงสุดด้วยระบบ ABS และระบบควบคุมการยึดเกาะถนนแบบเปิด-ปิดได้รุ่นล่าสุด ผสานล้ออะลูมิเนียมรุ่นใหม่ ที่มีล้อหน้าขนาด 18 X 2.75 นิ้ว และล้อหลังขนาด 17 X 4.25 นิ้ว
น้ำหนักรถที่เบาลง 7 กิโลกรัมช่วยให้ Bonneville T120 มีความคล่องตัวขณะขับขี่และมีการบังคับรถดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา ด้านเทคโนโลยีได้ติดตั้งระบบควบคุมความเร็วคงที่ให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ควบคู่ไปกับโหมดการขับขี่ที่ได้รับการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นทั้ง Road และ Rain นอกจากนี้ยังมีระบบคลัตช์ช่วยผ่อนแรง ระบบป้องกันการโจรกรรม ช่องชาร์จไฟ USB ตลอดจนไฟหน้าเดย์ไลท์ LED
ขณะที่รูปลักษณ์และสไตล์การตกแต่งมีการออกแบบให้โดดเด่นยิ่งขึ้น ทั้งเรือนไมล์ทรงนาฬิกาคู่ มาพร้อมหน้าปัด 3D แบบใหม่ พร้อมโลโก้ Bonneville แบบดั้งเดิม จอแสดงผลดิจิทัลมัลติฟังก์ชันแสดงข้อมูลที่จำเป็นทั้งหมดที่สามารถควบคุมได้ผ่านปุ่มบนแฮนด์ที่ใช้งานได้สะดวกและง่ายดาย ตัวถังเป็นทรงพิเศษตามแบบฉบับ Bonneville ที่มาพร้อมแผ่นรองเข่า พร้อมตราสัญลักษณ์ 3 ขีดที่ทำจากโลหะชุบโครเมียมแบบใหม่
ตลอดจนสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ของ “บอนเนวิลล์ ที120” ด้วยชิ้นส่วนชุบโครเมียมระดับพรีเมียมติดอยู่รอบคัน ทั้งบนกระจก ตัวยึดบังโคลน ไฟเลี้ยว ท่อเก็บเสียง แฮนด์รถ กรอบไฟหน้า และฝาปิดถังน้ำมัน โดยเบาะนั่งตกแต่งด้วยขอบสีตัดกัน และมาพร้อมโลโก้ Triumph ปั๊มนูน
ในขณะที่ “บอนเนวิลล์ ที120 แบล็ค” มาพร้อมภาพลักษณ์ที่ดุดัน มีการเก็บรายละเอียดด้วยการใช้ชิ้นส่วนสีดำสนิทสุดพรีเมียมหลากหลายจุด อาทิ ล้อ ฝาครอบเครื่องยนต์ กระจก กรอบไฟหน้า ไฟเลี้ยว และท่อไอเสีย รวมถึงเบาะนั่งยาวสีน้ำตาลที่สุดเรียบหรู พร้อมโลโก้ Triumph ปั๊มนูน นอกจากนี้ทั้ง 2 รุ่นยังมีอุปกรณ์เสริมแท้จากไทรอัมพ์สำหรับตกแต่งรวมกว่า 116 รายการ
สำหรับ "บอนเนวิลล์ ที120” มาพร้อม 3 สีได้แก่ สี Jet Black สี Cordovan Red / Silver Ice และ Cobalt Blue /Silver Ice ซึ่งจะมาพร้อมเส้นตัดขอบสีทองที่วาดด้วยมือ สนนราคา 557,000 บาท ส่วน “บอนเนวิลล์ ที120 แบล็ค” มาพร้อม 2 สีเข้มได้แก่ สี Jet Black และ สี Matt Jet Black /Matt Graphite พร้อมเส้นขอบตัดสีเงินวาดด้วยมือ สนนราคา 557,000 บาท
อีกหนึ่งรุ่น บอนเนวิลล์ ที100” (Bonneville T100) มาพร้อมเครื่องยนต์สูบคู่แรงบิดสูง 900ซีซี ที่ได้รับการอัพเกรด ให้กำลังสูงสุดที่ 65 แรงม้า ที่ 7,400 รอบต่อนาที ให้กำลังสูงขึ้นจากรุ่นก่อน 10 แรงม้า โดยมีแรงบิดสูงสุด 80 นิวตันเมตร ที่ 3,750 รอบต่อนาที ตอบสนองได้ไวขึ้น และมีรอบเครื่องยนต์สูงสุดเพิ่มขึ้นอีก 500 รอบต่อนาที
ด้านความสามารถในการบังคับรถดียิ่งขึ้นด้วยน้ำหนักรถที่เบาลง 4 กิโลกรัม พร้อมคาลิปเปอร์เบรกหน้า Brembo แบบ 2 สูบ และโช้คหน้าแบบใหม่ที่สเปคสูงขึ้น พร้อมโช้คคู่หลัง และล้อซี่ลวดสไตล์คลาสสิก 32 ก้าน เพิ่มความคล่องตัวในการขับขี่และการบังคับรถที่ง่าย
ระบบ ABS และระบบควบคุมการยึดเกาะถนนแบบเปิด-ปิดได้รุ่นล่าสุด เบาะนั่งนุ่มสบายด้วยความสูง790 มิลลิเมตร ขึ้นลงรถได้อย่างสะดวก ระบบคลัตช์ช่วยผ่อนแรงเพื่อช่วยลดความเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่ เหมาะสำหรับการเดินทางทั้งระยะใกล้และไกล สามารถใช้กุญแจปลดล็อคเบาะนั่ง เพื่อใช้งานช่องชาร์จไฟ USB ใต้เบาะนั่งได้ง่าย
ด้านรูปลักษณ์ มาพร้อมหน้าจอเรือนไมล์ทรงนาฬิกาแบบใหม่ พร้อมโลโก้ Bonneville และตัวอักษรแบบดั้งเดิม จอแสดงผลมัลติฟังก์ชันที่สามารถควบคุมผ่านปุ่มเลื่อนที่ติดตั้งไว้บนแฮนด์รถ ตัวรถใช้สไตล์การตกแต่งที่สะท้อนเอกลักษณ์เฉพาะตัวของบอนเนวิลล์รอบคัน ตั้งแต่ขอบเบาะสีตัดกัน ไปจนถึงแผ่นรองเข่าบนช่วงเว้าถังน้ำมัน บังโคลนหลังเหล็ก
อีกทั้งยังมีกระจก แฮนด์รถ กรอบไฟหน้า และฝาปิดถังน้ำมันที่ทั้งหมดมีการชุบโครเมียม ไฟท้ายขนาดกะทัดรัดและหรูหราระบบ Full LED นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์เสริมแท้ให้เลือกตกแต่ง โดยมีตัวเลือกมากกว่า 117 รายการ
“บอนเนวิลล์ ที100” (Bonneville T100) รุ่นปี 2021 มี 3 สีคลาสสิกให้เลือก ได้แก่ สี Lucerne Blue / Fusion White พร้อมเส้นตัดขอบสีเงินวาดด้วยมือ สี Jet Black และสีทูโทนอย่างสี Carnival Red / Fusion White พร้อมเส้นตัดขอบสีเงินวาดด้วยมือ สนนราคา 457,000 บาท
ต่อมาในรุ่น “สตรีท ทวิน” (Street Twin) มาพร้อมเครื่องยนต์สูบคู่แรงบิดสูง 900ซีซี รุ่นใหม่ล่าสุด ให้กำลังสูงสุด 65 แรงม้า ที่ 7,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 80 นิวตันเมตร ที่ 3,800 รอบต่อนาที ผู้ขับขี่สามารถควบคุมกำลังและแรงบิดด้วยระบบควบคุมคันเร่งไฟฟ้า
“สตรีท ทวิน” มาพร้อมคาลิปเปอร์เบรกหน้า Brembo สเปคสูงจานเบรกเดี่ยว พร้อมระบบคลัตช์ช่วยผ่อนแรงเพื่อลดการใช้แรงในการกำคลัตช์และสะดวกขึ้น นอกจากนี้ยังมีระบบ ABS และระบบควบคุมการยึดเกาะถนนแบบเปิด-ปิดได้เพื่อควบคุมแรงบิดให้เหมาะสมกับสภาพบนถนน มีโหมดการขับขี่แบบ Road และ Rain ให้เลือกใช้งาน
ด้านความสะดวกสบายมาพร้อมเบาะนั่งแบบใหม่ที่หนาขึ้น 10 มม. เพื่อรองรับน้ำหนักที่ดียิ่งขึ้น โดยเบาะนั่งจะต่ำเพียง 765 มิลลิเมตร หน้าจอเรือนไมล์มาพร้อมมาตรวัดความเร็วอะนาล็อกแบบคลาสสิก และจอแสดงผลกับระบบเมนูดิจิทัล ซึ่งเข้าใช้งานได้ผ่านปุ่มเลื่อนที่ติดอยู่บนแฮนด์ สามารถควบคุมด้วยปลายนิ้วในระหว่างการขับขี่
อีกทั้งยังมีช่องชาร์จไฟ USB ใต้เบาะนั่ง ระบบป้องกันการโจรกรรมทำงานร่วมกับกุญแจฝังชิป และรองรับการติดตั้งอุปกรณ์เสริมปลอกมือจับปรับอุณหภูมิไฟฟ้า และระบบตรวจวัดแรงดันลมยาง
นอกจากนั้นแล้วมีการยกระดับสไตล์การแต่งคัสตอมแบบโมเดิร์นของ สตรีท ทวิน อาทิ ขายึดไฟหน้าอะลูมิเนียมปัดเงา ไฟหน้าขนาดกะทัดรัด และตราสัญลักษณ์ Triumph บนขั้วหลอดไฟ โดยไฟท้ายเป็น LED พร้อมตัวถังสไตล์มินิมอลแบบ stripped-back ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการแต่งคัสตอม ตั้งแต่ถังน้ำมันไปจนถึงฝาปิดถังน้ำมันชุบโครเมียมแบบล็อคได้ ผสมผสานเข้ากับบังโคลนหน้าแบบสั้นกับแผงด้านข้างแบบใหม่ที่เสริมรายละเอียดด้วยแผงตาข่ายกับดีคอลฟอยล์บนถังน้ำมัน
ปลอกเรือนปีกผีเสื้ออะลูมิเนียมปัดเงาแบบใหม่ และฝาครอบเครื่องยนต์สีดำในสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของบอนเนวิลล์ เสริมสไตล์ด้วยครีบฝาสูบและแคลมป์เฮดเดอร์สุดโดดเด่น ติดตั้งยาง Pirelli Phantom Sportscomp ตลอดจนล้อหล่อแบบใหม่ที่ช่วยเสริมภาพลักษณ์แบบคัสตอมโดยรวม พร้อมรายละเอียดการแมชชีนบนซี่ล้อ พร้อมกันนี้ยังมีอุปกรณ์เสริมแท้ทั้งหมด 120 รายการ ที่ช่วยเพิ่มการป้องกัน ความสะดวกสบาย สไตล์ ความสามารถ และการรักษาความปลอดภัยอีกด้วย
โดย “สตรีท ทวิน” (Street Twin) ปี 2021 มีสีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สี Cobalt Blue สี Matt Ironstone และ สี Jet Black สนนราคา 395,000 บาท
ปิดท้ายด้วย “สตรีท ทวินโกลด์ไลน์ ลิมิเต็ด อิดิชัน” (Street Twin Gold Line Limited Edition) รถจักรยานยนต์รุ่นคัสตอมที่ผลิตจำกัดเพียง 1,000 คัน ผสมผสานการปรับปรุงและคุณลักษณะทุกอย่างของ Street Twin ปี 2021 รุ่นใหม่ เข้ากับงานฝีมือสุดประณีตของทีมงานทำสีไทรอัมพ์ด้วยตัวถังที่เก็บรายละเอียดทุกอย่างด้วยมือ และยังมาพร้อมใบรับรองที่ระบุหมายเลข VIN เฉพาะของรถจักรยานยนต์แต่ละคัน
คุณลักษณะที่ได้รับการปรับปรุง อาทิ เครื่องยนต์ที่ได้รับการพัฒนาให้ได้มาตรฐาน Euro 5 ซึ่งปล่อยไอเสียน้อยลง รวมทั้งความสะดวกสบายและสไตล์ เบาะนั่งแบบใหม่ ล้อ ตัวถัง และการเก็บรายละเอียดด้วยชิ้นส่วนอะลูมิเนียมปัดเงา เสริมด้วยการขับขี่ที่เบาและคล่องตัว ช่วยมอบความมั่นใจให้ผู้ขับขี่ เบาะนั่งที่ความสูงต่ำเพียง 765 มิลลิเมตร เบรกหน้า Brembo โหมดการขับขี่สองโหมด ระบบ ABS และระบบควบคุมการยึดเกาะถนนแบบเปิด-ปิดได้
สตรีท ทวินโกลด์ไลน์ ลิมิเต็ด อิดิชัน มาพร้อมตัวเลือกสี Matt Sapphire Black และโลโก้ Triumph ที่สืบทอดมาจากรุ่นดั้งเดิมกับเส้นตัดขอบสีทองวาดด้วยมือ รายละเอียดการแต่งคัสตอมนั้นครอบคลุมถึงส่วนล้อของ Street Twin ซึ่งส่วนซี่ล้อนั้นได้รับการตกแต่ง รวมทั้งทำสีขอบวงล้อด้วยสีทองสุดงดงาม นอกจากนี้ยังมีแผงด้านข้างแบบใหม่ที่มาพร้อมโลโก้ Street Twin รุ่นคัสตอม ช่วยให้รถรุ่นลิมิเต็ดนี้มีความพิเศษมากยิ่งขึ้น สนนราคา 420,000 บาท