ต้องยอมรับครับว่า ที่ผ่านมารถยนต์อเนกประสงค์ประเภท Mini MPV- Multi Purpose Vehicle ในเมืองไทยไม่ค่อยฟู่ฟ่า มาแรง เมื่อเทียบกับรถยนต์นั่งประเภทอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าจากอินโดนีเซีย
ทว่า 2-3 ปีหลังมานี้ ตลาดกลับมาคึกคัก ส่วนหนึ่งเพราะกระแส Mitsubishi Xpander (และมี Xpander Cross ตามมาอีกหนึ่งรุ่น) รวมถึงกลางปีที่แล้ว ซูซูกิสร้างสีสันด้วยการเปิดตัว Suzuki XL7 ที่ต่อยอดมาจาก Ertiga ส่งผลให้ยอดรวมของ Mini MPV กระโดดขึ้นมาเป็นเท่าตัว หรือประมาณ 2 หมื่นคันต่อปี
การเปิดตัว Suzuki XL7 ในเดือนกรกฎาคม 2563 เข้ามาท้าชนเต็มๆกับ Mitsubishi Xpander Cross ซึ่ง มินิแวนของซูซูกิ ได้การตอบรับดีพอสมควร จากยอดขายประมาณ 300-400 คันต่อเดือนในช่วงแรก และยังมียอดค้างส่งมอบประมาณ 2 เดือน ก่อนจะขอออร์เดอร์จากโรงงานอินโดนีเซียเพิ่ม ทำให้เดือนพฤศจิกายนและธันวาคม ปี 2563 ส่งมอบได้อีกประมาณ 1,100 คัน
…เรียกว่าเป็นปรากฎการณ์ที่ซูซูกิก็คาดไม่ถึง และอย่าลืมว่าช่วงนั้นบ้านเรายังอยู่ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 นะครับ
Suzuki XL7 ได้ความสดใหม่ตามสมัยนิยม โดยจะเป็นรถคันแรกของบ้านก็ได้ เดินทางแบบครอบครัวอบอุ่น หรือรองรับไลฟ์สไตล์คนทำกิจกรรม (ของเยอะ) รวมถึงผู้ที่ทำมาค้าขาย ต้องบรรทุกสินค้าจำนวนเยอะแต่นํ้าหนักไม่มาก (เช่น เสื้อผ้า) มี หลังคาคุมแดดคุมฝนและความปลอดภัย Suzuki XL7 ก็ตอบโจทย์
การออกแบบภายนอกโดดเด่นสไตล์ครอสโอเวอร์ และดูสมบุกสมบันมากขึ้นจากซุ้มล้อสีดำ ใต้กันชนออกแบบคล้ายมีแผ่นกันกระแทก พร้อมราวหลังคา โดยซูซูกิพยายามสื่อสารว่านี่คือ ครอสโอเวอร์ อีกหนึ่งรุ่น และสร้างภาพลักษณ์ที่แตกต่างจาก Suzuki Ertiga ซึ่งในเชิงวิศวกรรมรถยนต์สองรุ่นนี้ใช้พาร์ทต่างกันกว่า 200 รายการ ขณะที่ Suzuki XL7 ยังมีระยะตํ่าสุดจากพื้น (Ground Clearance) 200 มม. สูงกว่า Suzuki Ertiga 20 มม. ประกบล้ออัลลอย ขนาด 16 นิ้ว พร้อมยาง 195/60 R16 (เออร์ติก้า 185/65 R15)
ด้านเบาะ 3 แถว 7 ที่นั่ง ปรับพับรูปแบบได้หลากหลายเพิ่มอรรถประโยชน์ พร้อมช่องแอร์แยกสำหรับ ผู้โดยสารแถว 2 และแถว 3 ส่วนการเข้า-ออกภายในห้องโดยสารทำได้สะดวก Ground Clearance 200 มม. สูงขึ้นก็จริงแต่การขึ้น-ลงไม่ถึงกับต้องปีน น่าจะอำนวยความสะดวกเด็กๆ และผู้อาวุโสได้ดี
การเซ็ตรถของ Suzuki XL7 ผมว่าวิศวกรเขาตั้งใจทำบุคลิกให้ต่างจาก Suzuki Ertiga พอสมควร แม้จะใช้เครื่องยนต์บล็อกเดียวกันคือ K15B เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 138 นิวตัน-เมตรที่ 4,400 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด
ทว่า Suzuki XL7 เซ็ตอัตรา ทดเฟืองท้ายไว้ 4.375 จัดกว่าของ Suzuki Ertiga เล็กน้อย (4.278) ก็ช่วยเรื่องตีนต้นครับ จังหวะออกตัวมีพละกำลังดี เท่าที่ประสิทธิผลของเครื่องยนต์จะทำได้ ส่วนการส่งกำลังลงสู่ล้อหน้าด้วยเกียร์อัตโนมัติแบบเฟือง ทอร์คคอนเวอร์เตอร์ ทำให้การขับขี่รวมๆ มีความกระฉับกระเฉงและการตอบสนองเป็นธรรมชาติ มากกว่าพวก CVT
สอดคล้องกับช่วงล่างหน้าแมคเฟอร์สัน สตรัท เปลี่ยนสเปกของเหล็กกันโคลงให้ใหญ่ขึ้น พร้อมล้อขนาด 16 นิ้ว ยาง 195/60 R16 ลดอาการย้วยลงไปได้ระดับหนึ่ง แต่ถ้าใช้ความเร็วสูงเกิน 100 กม./ชม. (ขับคนเดียวไม่มีสัมภาระ ) บางสภาพการขับขี่ ยังรู้สึกถึงอาการโคลงเล็กน้อย
รวบรัดตัดความ... Suzuki XL7 ตั้งขายรุ่นย่อยเดียว 7.79 แสนบาท ราคาสูงกว่า Suzuki Ertiga รุ่นท็อป 5.4 หมื่นบาท แต่ถ้าเทียบกับ Mitsubishi Xpander Cross ราคาถูกกว่า 1-8.4 หมื่นบาท (แล้วแต่รุ่น) ถือเป็นทางเลือกในกลุ่มรถอเนกประสงค์ที่คุ้มค่าแบบ คันเดียวจบ ตอบทุกโจทย์ชีวิต