นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า จำนวนยอดผลิตรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือนพฤศจิกายน 2564 มีทั้งสิ้น 165,353 คัน สูงสุดในรอบ 12 เดือน ลดลงจากปีที่ผ่านมา ร้อยละ 4.12 ขณะที่จำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ในเดือนมกราคม - พฤศจิกายน 2564 มีจำนวนทั้งสิ้น 1,531,337 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - พฤศจิกายน 2563 ร้อยละ 19.26
ยอดผลิตรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น เป็นผลมาจากตลาดส่งออก โดยการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เดือนพฤศจิกายน 2564 สามารถส่งออกได้ 98,829 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน 2563 ร้อยละ 32.60 และ เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2564 ร้อยละ 21.15 มีมูลค่าการส่งออกรถยนต์ 57,737.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน 2563 ร้อยละ 35.30 สูงสุดในรอบแปดเดือน
สำหรับการส่งออกเพิ่มขึ้นทุกตลาดเพราะประเทศไทยเป็นฐานการผลิตรถกระบะที่ส่งออกไปกว่าร้อยประเทศ จึงส่งออกได้เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก นอกจากรถยนต์สำเร็จรูปแล้ว เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์และอะไหล่รถยนต์ก็ส่งออกเพิ่มขึ้นตามการผลิตรถยนต์ที่เติบโต
เมื่อรวมเดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2564 ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 857,887 คัน โดยส่งออกเพิ่มขึ้นจากปี 2563 ในระยะเวลาเดียวกัน ร้อยละ 28.55 มีมูลค่าการส่งออก 500,159.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2563 ร้อยละ 34.56
ขณะที่ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนพฤศจิกายน 2564 มีจำนวนทั้งสิ้น 71,716 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว ร้อยละ 3.2 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2564 ร้อยละ 11.25 สูงสุดในรอบแปดเดือน
โดยมีปัจจัยมาจากประชาชนเชื่อมั่นรายได้ในอนาคตมากขึ้นจากการผ่อนคลายการล็อกดาวน์เพิ่มขี้นเรื่อย ๆ การเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ รวมไปถึงโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจเช่นคนละครึ่ง ยิ่งใช้ยิ่งได้ เราเที่ยวด้วยกัน และการเยียวยาช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 และการส่งออกสินค้าเกษตรและสินค้าสำคัญที่เติบโต ทำให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้น
ส่วนยอดขายรถยนต์ตั้งแต่เดือนมกราคม - พฤศจิกายน 2564 รถยนต์มียอดขาย 668,520 คัน ลดลงจากปี 2563 ในระยะเวลาเดียวกัน ร้อยละ 2.8