ตามที่มีกระแสข่าวออกมาก่อนหน้านี้ว่า คณะกรรมการยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติหรือ “บอร์ดอีวี” เตรียมเสนอมาตรการให้รัฐบาลสนับสนุนให้เกิดการใช้รถพลังงานไฟฟ้า 100% EV ด้วยการลดภาษีนำเข้า EV จากทุกแหล่ง และลดภาษีสรรพสามิตจากที่ EV นำเข้าต้องเสีย 8% ลงมาเหลือ 2% พร้อมให้เงินสนับสนุน EV อีก 1.5 แสนบาท สำหรับรถอีวีที่ราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม มาตรการนี้ไม่ถูกบรรจุเข้าไปอยู่ในวาระการประชุมของคณะรัฐมนตรี นัดสุดท้ายของปี 2564 (28 ธ.ค.) จึงต้องรอการประกาศความชัดเจนอีกครั้งในปี 2565
ทั้งนี้ เมื่อมีข่าวมาตรการลดราคา EV ออกมา แต่ยังไม่ประกาศรายละเอียดอย่างเป็นทางการ ส่งผลให้ตลาดรถยนต์ช่วงปลายปีนี้เกิดภาวะสุญญากาศ ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจซื้อ ทั้งคนที่วางแผนซื้อ EV อยู่เดิม และคนที่ตั้งใจจะซื้อรถเครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) เพราะต่างจะรอดูว่า EV จะลดราคาได้ขนาดไหน
โดยผู้บริโภคที่กำลังจะซื้อรถยนต์คันใหม่ มองว่าถ้าอีวีได้การสนับสนุนหรือลดราคาลงมามาก ก็มีโอกาสที่จะเปลี่ยนไปซื้อ EV ส่งผลให้ตลาดรถยนต์ช่วงปลายเดือนธันวาคมเกิดภาวะชะงักงัน ที่สำคัญยังมีลูกค้าบางส่วนที่จองรถไปแล้ว ขอเลื่อนการรับรถออกไปก่อน จนกว่าจะเห็นมาตรการชุดนี้ ประกาศอย่างเป็นทางการ
นายกฤษฎา อุตตโมทย์ นายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ตามข่าวที่ออกมาก่อนหน้านี้ว่าจะมีมาตรการส่งเสริมให้คนซื้อ EV หรือมีส่วนลด 1.5 แสนบาท กับรถ EV ที่ราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาท และ EV ที่ราคาเกิน 2 ล้านบาท จะได้การสนับสนุนเช่นกัน โดยเฉพาะการลดภาษีนำเข้าและลดภาษีสรรพสามิต เพียงแต่ค่ายรถยนต์ที่จะได้รับสิทธิประโยชน์นี้ ต้องมีแผนประกอบในประเทศภายในปี 2567
ดังนั้น ใครที่ยังลังเลในการซื้อรถใหม่ตอนนี้ สามารถตัดสินใจได้เลย เพราะถึงแม้รัฐบาลจะประกาศแพกเกจ EV ออกมาแล้ว แต่ค่ายรถยนต์ยังต้องทำแผนหรือต้องมีความตั้งใจในการขึ้นไลน์ประกอบ EV ในประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องที่มีรายละเอียดอีกพอสมควร
“สิทธิประโยชน์ทั้งหลายต้องพ่วงด้วยการประกอบ EV ในประเทศด้วย อย่างช่วงมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2021 มีลูกค้าหลายราย ถามว่าควรเลื่อนการรับรถออกไปหรือไม่ เพราะต้องการรอประกาศของรัฐบาลก่อน จึงอยากจะเรียนว่า ลูกค้าสามารถรับรถได้เลย เพราะเรื่องของการทำแผนเพื่อขอสิทธิประโยชน์นี้ ยังมีรายละเอียดค่อนข้างเยอะ ว่าจะต้องผลิตในปีที่เท่าไหร่ และกำหนดการใช้ชิ้นส่วนสำคัญในประเทศ (เช่น แบตเตอรี่ มอเตอร์) เพื่อประกอบ EV รุ่นนั้นๆ” นายกฤษฎา กล่าวสรุป
ทั้งนี้ รัฐบาลไทย ยืนยันว่าพร้อมสนับสนุนให้เกิดการผลิตและการขายอีวีมากขึ้น ตามเป้าหมายในปี 2578 รถยนต์รุ่นใหม่จะต้องเป็นรถพลังงานไฟฟ้า 100% EV ทั้งหมด พร้อมขยายสถานีควิกชาร์จ DC ให้ถึง 12,000 แห่ง