ทีโอเอเวนเจอร์โฮลดิ้ง (TOAVH) บริษัทที่แยกตัวมาจากสี TOA แบ่งธุรกิจดังนี้
ในปี 2564 โดนพิษเศรษฐกิจและโควิด-19 กระทบกับธุรกิจเต็มๆ แต่ยังโกยรายได้ 13,400 ล้านบาท โต 19% ซึ่งหนึ่งในธุรกิจดาวรุ่งของ TOAVH คือการเป็นดีลเลอร์รถยนต์ ทั้งซูซูกิ เอ็มจี และเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่ช่วยกันทำยอดขายทะลุ 8,000 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 23% เมื่อเทียบกับปี 2563
หากแบ่งเป็นจำนวนคันในปี 2564 แบรนด์รถยนต์ซูซูกิ ที่มี 3 สาขา ขายได้ 1,170 คัน เอ็มจี มี10 สาขา 4,363 คัน และเมอร์เซเดส-เบนซ์ 749 คัน ซึ่งเป็นแบรนด์ล่าสุดที่เพิ่งดำเนินธุรกิจในปี 2562
เมอร์เซเดส-เบนซ์ โดย “ไพรม์มัส ออโต้เฮาส์” ที่ทำยอดขายในปี 2564 ได้ 749 คัน เพิ่มขึ้น 40% และทำยอดขายติดอันดับท็อป 5 ในบรรดาผู้จำหน่ายของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ขณะเดียวกันยังโกยรายได้ในส่วนบริการหลังการขายอย่างเป็นกอบเป็นกำจาก ที่ตั้งทำเลทองบนถนนประดิษฐ์มนูธรรม ซึ่งในปีที่ผ่านมามีจำนวนรถที่เข้ามาใช้บริการกว่า 6,800 คัน โต 45% และศูนย์ซ่อมสี-ตัวถัง 1,470 คัน โต 122%
นายณัฏฐวุฒิ ตั้งคารวคุณ ประธาน บริษัท ทีโอเอ เวนเจอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (TOAVH) เปิดเผยว่า ในธุรกิจดีลเลอร์รถยนต์ เรามีขายครบตั้งแต่ อีโคคาร์ เอสยูวี ปิกอัพ ไปจนถึงรถหรู โดยในปี 2564 ทำรายได้เติบโตกว่าความคาดหมายถึง 23% ภายใต้ 3 แบรนด์ที่ดูแลอยู่ และยังไม่มีแผนเป็นดีลเลอร์แบรนด์รถยนต์อื่นๆ เพิ่มเติม
ในส่วนผลประกอบการของ ไพรม์มัส ออโต้เฮาส์ ผู้จำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการ ที่ได้ดูแลทุกซับแบรนด์ คือ เมอร์เซเดส เอเอ็มจี, เมอร์เซเดสมายบัค และรถพลังงานไฟฟ้าเมอร์เซเดส อีคิว และต้องยอมรับ ว่า เซกเมนต์รถหรูได้รับผลกระทบน้อย ยกเว้นการที่ไม่สามารถส่งมอบได้ตามความต้องการของลูกค้าซึ่งเป็นปัญหาจากการผลิตที่โดนเหมือนกันทั่วโลก
ที่ผ่านมา เบนซ์ ไพรม์มัส ออโต้เฮาส์ เน้นการสร้างแบรนด์ โดยพยายามดูแลลูกค้าอย่างเต็มที่ โดยในช่วงโควิด-19 มีทั้งจัดกิจกรรมทดสอบรถตีกอล์ฟ รวมถึงไปส่งรถให้ลูกค้าทดลองขับถึงบ้าน และการไปรับรถลูกค้ามาเข้าศูนย์บริการ
“การขายรถเป็นส่วนหนึ่งแต่เรามองว่าการบริการนั้นเป็นหัวใจ และประสบความสำเร็จได้ด้วยการบอกต่อ ดังจะเห็นได้จากจำนวนรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่เข้าศูนย์บริการมีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเราได้เพิ่มอีก 10 ช่องซ่อมรวมเป็น 30 ช่องซ่อม พร้อมอู่ซ่อมสี-ตัวถัง ตั้งอยู่ในทำเลที่ดี ลูกค้าเข้ามาใช้บริการได้สะดวก หรืออาจจะเรียกได้ว่า 2 ปีที่ผ่านมา เราดูแลรถที่คนอื่นขาย”
นายณัฏฐวุฒิ กล่าวเพิ่มเติมว่า ธุรกิจดีลเลอร์รถยนต์ในปีนี้ยังมีโอกาสเติบโต แต่ยังเน้นการทำตลาดแบบเข้าถึงตัวลูกค้าโดยตรง ขณะเดียวกันปีนี้ยังมี EV เปิดตัวใหม่ ทั้งแบรนด์เอ็มจี และเมอร์เซเดส-เบนซ์(EQS) จะเพิ่มความคึกคักให้แก่ตลาดโดยบริษัทตั้งเป้าธุรกิจดีลเลอร์รถยนต์ในกลุ่ม TOAVH โต 13%
ส่วนงบประมาณที่ต้องลงทุนเพิ่มเติมของทั้งกลุ่ม TOAVH ในปี 2565 วางไว้ 300 ล้านบาท แบ่งเป็นการปรับไลน์โรงงานผลิตกระดาษทราย 70 ล้านบาท ทำอู่สีที่ เอ็มจี อมตะนคร จ.ชลบุรี 25 ล้านบาท และธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับรถยนต์อีก 25 ล้านบาท ที่เหลืออีก 150 ล้านบาท เป็นของการปรับปรุงสายการผลิตสีอุตสาหกรรม และการตั้งบริษัท TOA Performance Coating ประเทศกัมพูชา อีก 30 ล้านบาท
“จากทุกแผนของแต่ละหน่วยธุรกิจในปีนี้ยังมีความท้าทายมาก ที่สำคัญยังเผชิญกับต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น แต่เรายังตั้งเป้าหมายรายได้ TOAVH ไว้ 14,700 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับปี 2564” นายณัฏฐวุฒิ กล่าว