ทายาทรุ่น 3 ลัมโบร์กีนี ผนึกสตาร์ทอัพไทยบุกตลาดมอเตอร์ไซด์ไฟฟ้า“Iso”

25 เม.ย. 2565 | 04:43 น.
อัปเดตล่าสุด :25 เม.ย. 2565 | 12:02 น.

ทายาทลัมโบร์กีนีรุ่น 3 เตรียมมอเตอร์ไซด์ไฟฟ้า Iso UNO-X สัญชาติอิตาลี บุกตลาดเอเชีย กางแผนปี 65 ทำตลาดไทยจริงจัง รับตลาดเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ภาครัฐมีนโยบายสนับสนุน

นายเฟอร์รุชโช ลัมโบร์กีนี ประธานและเจ้าของแบรนด์ “Iso” ทายาทรุ่นที่สามของตระกูลลัมโบร์กีนี เจ้าของแชมป์รายการแข่งขัน Moto 2 ของประเทศอิตาลี เปิดเผยว่า ขณะนี้แบรนด์ Iso ในฐานะที่เป็นแบรนด์ยานยนต์เก่าแก่ของประเทศอิตาลีได้ร่วมมือกับ 2 พันธมิตรอย่าง บริษัท Giken Mobility ในเครือ GSS Energy Limited และบริษัท เอดิสัน มอเตอร์ จำกัด (Edison Motors) สตาร์ทอัพด้านการวิจัยและพัฒนาที่มีความเชี่ยวชาญด้านการออกแบบยานยนต์ไฟฟ้า ผลิตรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า (EV) แบรนด์ “Iso” รุ่น Iso UNO-X

ทายาทรุ่น 3 ลัมโบร์กีนี ผนึกสตาร์ทอัพไทยบุกตลาดมอเตอร์ไซด์ไฟฟ้า“Iso”

ซึ่งเป็นรถจักรยานยนต์รุ่นแรกของแบรนด์ที่มีเครื่องยนต์ไฟฟ้า ออกแบบโดยเอดิสัน มอเตอร์ เพื่อทำตลาดในประเทศไทยอย่างจริงจังในปี 2565 นี้ เนื่องจากประเทศไทยมียอดการใช้มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ท่ามกลางกระแสการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าที่กำลังคึกคักในภูมิภาคอาเซียน รวมถึงการสนับสนุนจากภาครัฐ และการตระหนักถึงประโยชน์ของยานยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้น

 

“โปรเจกต์นี้เกิดจากความตั้งใจของผมที่อยากจะสร้างสิ่งใหม่ในประวัติศาสตร์ ภายใต้บริษัทที่ยิ่งใหญ่ของอิตาลี ซึ่งตั้งแต่ซื้อแบรนด์ Iso มา ก็มองหาพันธมิตรที่แข็งแกร่ง และผู้นำในอุตสาหกรรม เพื่อร่วมมือกันพัฒนาและนำพาแบรนด์ Iso ไปสู่มาตรฐานสูงสุดในด้านคุณภาพ ประสิทธิภาพ และการออกแบบ ซึ่งเชื่อว่าความแข็งแกร่งของทั้ง 2 บริษัทฯ Giken Mobility และเอดิสัน มอเตอร์ จะช่วยนำพาแบรนด์ Iso บรรลุเป้าหมายสูงสุดได้แน่นอนทั้งยอดขายและผลกำไร”

 

ทั้งนี้ เมื่อเดือน พ.ย. 64 ที่ผ่านมาแบรนด์ Iso ได้เปิดตัว รถจักรยานยนต์ไฟฟ้ารุ่น Iso UNO-X อย่างเป็นทางการไปแล้วในงาน EICMA งานแสดงรถจักรยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก จัดขึ้นที่ประเทศอิตาลี ซึ่งปี 2565 นี้ พร้อมเปิดตัวและเปิดตลาดในโซนเอเชีย โดยประเทศไทยจะเป็นประเทศแรกๆ ที่ได้สัมผัสกับประสิทธิภาพและความพรีเมี่ยมทางด้านการออกแบบและเทคโนโลยีของรถ Iso UNO-X 

ทายาทรุ่น 3 ลัมโบร์กีนี ผนึกสตาร์ทอัพไทยบุกตลาดมอเตอร์ไซด์ไฟฟ้า“Iso”

 Iso UNO-X ถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ในการขับขี่รถมอเตอร์ไซด์ไฟฟ้า ดีไซน์ทรงสปอร์ต ล้ำสมัย ผสมผสานนวัตกรรมใหม่น่าจะตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคคนไทยมากที่สุด แบตเตอรี่ของ Iso UNO-X สามารถทำระยะขับขี่ได้ 130 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และสามารถทำความเร็วสูงสุดถึง 115 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ช่วงล่างถูกออกแบบมาจากรถแข่ง เรียกว่า Trellis Suspension ที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อลดความการสั่นสะเทือน และเพิ่มความคงทนและความเบาสบายในการขับขี่ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ที่สามารถพบเจอได้ในรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่ออกแบบโดย เอดิสัน มอเตอร์

 

UNO-X เป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศอัจฉริยะของ Giken Mobility ที่ทำให้การเชื่อมต่อระหว่างตัวรถและผู้ใช้งานเป็นไปได้อย่างไร้รอยต่อ และผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันจาก Google Play และ App Store เพื่อควบคุมรถมอเตอร์ไซด์ไฟฟ้า ตรวจสอบสถานะได้แบบเรียลไทม์ วางแผนการเดินทาง คำนวณระยะทางในการเดินทาง และดูประวัติการเดินทางในเวลาเดียวกัน อีกทั้งแอปพลิเคชันจะรวบรวมข้อมูลแบบเรียลไทม์เพื่อใช้วิจัยและพัฒนาในอนาคต เพื่อช่วยให้วิศวกรปรับปรุงและพัฒนาการออกแบบและการทำงานของรถมอเตอร์ไซด์ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง

 

ด้าน นายณัฐพัชร เลิศวิริยะสวัสดิ์ ผู้ร่วมก่อตั้งแ ทายาทรุ่น 3 ลัมโบร์กีนี ผนึกสตาร์ทอัพไทยบุกตลาดมอเตอร์ไซด์ไฟฟ้า“Iso” ละประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอดิสัน มอเตอร์ จำกัด และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด บริษัท Giken Mobility Pte. Ltd. กล่าวว่า “เอดิสัน มอเตอร์ ก่อตั้งขึ้นในประเทศไทย ปี 2560 ในฐานะบริษัทสตาร์ทอัพด้านการวิจัยและพัฒนาที่เชี่ยวชาญด้านการออกแบบยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งในปี 2562 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้รับการติดต่อจาก บริษัท กีเกน โมบิลิตี้ โดยนายคิน บอนด์ ซิดนีย์ ยึง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กีเกน โมบิลิตี้ และนายเฟอร์รุชโช ลัมโบร์กีนี เจ้าของแบรนด์ Iso เพื่อร่วมกันออกแบบรถมอเตอร์ไซด์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ภายใต้แบรนด์ Iso และเมื่อปลายปี 2564 ที่ผ่านมา บริษัท กีเกน โมบิลิตี้ ได้เข้าซื้อบริษัท เอดิสัน มอเตอร์ อย่างเป็นทางการ เพื่อสร้างความแข่งแกร่งในการพัฒนาและผลิตยานยนต์ไฟฟ้า ที่จะเป็นโซลูชั่นแบบครบวงจรสามารถตอบโจทย์ความต้องการในระดับโลกได้”

 

ปัจจุบันในประเทศไทยรถมอเตอร์ไซด์ไฟฟ้า(EV) ถือเป็นทางเลือกใหม่ในตลาด ที่รัฐบาลกำลังมุ่งผลักดันให้เกิดการใช้งานเพิ่มมากขึ้น เพื่อประหยัดค่าเชื้อเพลิง และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้เชื่อมั่นว่าจะเป็นโอกาสของแบรนด์ Iso ที่เข้าบุกตลาด สร้างยอดขาย และผลประกอบการเติบโตได้อย่างแน่นอนเนื่องจากมีผู้เล่นในตลาดน้อย และส่วนใหญ่เป็นกลุ่มธุรกิจพลังงานที่ต้องการเข้ามาทำตลาดรถมอเตอร์ไซด์ไฟฟ้า เพื่อหาโอกาสในการสร้างรายได้จากพลังงานทางเลือกอื่นทดแทนน้ำมันที่จะลดบทบาทลงเรื่อยๆ ในอนาคต และกลุ่มผู้ผลิตรถมอเตอร์ไซด์ไฟฟ้าที่ร่วมทุนกับนักลงทุนต่างประเทศ ซึ่งเป็นหน้าใหม่ในวงการรถมอเตอร์ไซด์เท่านั้น