หลังจากที่ ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี ใหม่ เผยโฉมครั้งแรกในโลกที่ประเทศไทยในงานมอเตอร์โชว์ 2022 ที่ผ่านมา และได้รับการตอบรับที่ดีด้วยยอดจองสิทธิ์จากลูกค้าทั่วประเทศ ล่าสุดทางฮอนด้า จึงได้ประกาศราคาพร้อมทั้งโปรโมชัน โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่นย่อย มีราคาจำหน่าย ดังนี้
สำหรับฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี ใหม่ มีสีภายนอกให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) เฉพาะรุ่น e:HEV RS สีดำคริสตัล (มุก) สีขาวแพลทินัม (มุก) สีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก) สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) และสีฟ้ามอร์นิงมิสต์ (เมทัลลิก) เฉพาะรุ่น e:HEV EL+ และสีภายในของรุ่น e:HEV EL+ มีทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สีดำ และสีเทาเบจ ซึ่งขึ้นอยู่กับสีภายนอก โดยรุ่น e:HEV RS สีภายในจะเป็นสีดำเท่านั้น
ข้อเสนอโปรโมชันพิเศษ
แคมเปญพิเศษด้านการบริการหลังการขาย
เอาใจสายสปอร์ตกับชุดอุปกรณ์ตกแต่งโมดูโล
ชุดอุปกรณ์ตกแต่งโมดูโล (Modulo)ที่มาพร้อมกับแนวคิด “Make the CIVIC 3F (Fashion, Function and Featured)” โดยมีไอเท็มอุปกรณ์ตกแต่งให้เลือก อาทิ
หรือเลือกตกแต่งในรูปแบบแพ็กเกจชุดแต่งรอบคัน ทั้งหมด 3 แพ็กเกจ ได้แก่
สำหรับฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี ใหม่ จะมีคุณสมบัติ สเปค อย่างไรบ้าง สามารถตรวจสอบได้ดังต่อไปนี้
ดีไซน์การออกแบบภายนอก ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี
ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี ใหม่ มาพร้อมดีไซน์การออกแบบที่เรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยกลิ่นอายของความสปอร์ตพรีเมียม โดดเด่นด้วยดีไซน์ภายนอกที่บ่งบอกความเป็นยนตรกรรมไฮบริดที่ชัดเจนด้วยโลโก้ H Mark ตกแต่งกรอบสีฟ้า และสัญลักษณ์ e:HEV ที่ด้านท้าย
กระจังหน้าและกันชนหน้าสไตล์สปอร์ต มือจับประตูด้านนอกสีเดียวกับตัวรถตกแต่งด้วยโครเมียม ไฟหน้าตกแต่งด้วยโครเมียมพร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ไฟตัดหมอกคู่หน้าและไฟท้ายแบบ LED สไตล์เอกลักษณ์เฉพาะตัว เสาอากาศแบบครีบฉลาม และล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้วสีใหม่
ดีไซน์การออกแบบภายใน ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี
ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง พร้อมเทคโนโลยีอำนวยความสะดวก ฟังก์ชันที่หลากหลาย อาทิ มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สายและ Android Auto พร้อมระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ช่องปรับอากาศและช่องเชื่อมต่อ USB 2 ตำแหน่งสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
ดีไซน์การออกแบบภายนอก รุ่น e:HEV RS
สำหรับในรุ่น e:HEV RS ดีไซน์เอกซ์คลูซีฟรอบคัน กระจังหน้าตกแต่งด้วยโครเมียม พร้อมสัญลักษณ์ RS กันชนหน้าดีไซน์สปอร์ต ไฟหน้าตกแต่งด้วยโครเมียมพร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ไฟตัดหมอกคู่หน้าและไฟท้ายแบบ LED กระจกมองข้างสีดำ มือจับประตูด้านนอกสีดำตกแต่งด้วยโครเมียม เสาอากาศแบบครีบฉลามสีดำ สปอยเลอร์หลังสีดำพร้อมสัญลักษณ์ RS ด้านท้าย ท่อไอเสียพร้อมปลอกท่อไอเสีย และล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ ขนาด 18 นิ้ว
ดีไซน์การออกแบบภายใน รุ่น e:HEV RS
ภายในห้องโดยสารสปอร์ตพรีเมียม ด้วยเบาะหนังกลับและวัสดุสังเคราะห์ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง เบาะนั่งด้านหลังแยกพับแบบ 60:40 เพื่อเพิ่มพื้นที่สัมภาระ (เฉพาะรุ่น e:HEV RS) แป้นเหยียบคันเร่งและเบรกแบบสปอร์ต พร้อมเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกและฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครัน อาทิ ระบบควบคุมเสียงรบกวนเข้าห้องโดยสารครั้งแรกในฮอนด้า ซีวิค
ระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะพร้อม Honda Smart Key Card ล็อกและปลดล็อกรถได้อย่างสะดวกสบายเพียงแค่พกการ์ดไว้กับตัว ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 10.2 นิ้ว ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สาย และ Android Auto พร้อมระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto
อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger) ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย-ขวา ช่องปรับอากาศและช่องเชื่อมต่อ USB 2 ตำแหน่งสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง และฮอนด้า คอนเนค (Honda CONNECT) เทคโนโลยีเชื่อมต่อรถยนต์ที่ทำงานผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน
สมรรถนะเครื่องยนต์ ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี ใหม่
ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี ใหม่ มาพร้อมขุมพลังขับเคลื่อนแบบฟูลไฮบริด e:HEV ที่ผสานการทำงานร่วมกันของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ได้แก่ มอเตอร์ที่ทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้า (Motor Generator) และมอเตอร์ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อ (Motor Drive) กับเครื่องยนต์ใหม่ ขนาด 2.0 ลิตร Direct Injection Atkinson-Cycle DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว ผสานการทำงานกับเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน มอบกำลังมอเตอร์สูงสุด 184 แรงม้า ที่ 5,000 - 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดมอเตอร์สูงสุด 315 นิวตัน-เมตร ที่ 0 - 2,000 รอบต่อนาที ให้อัตราการประหยัดน้ำมันดี 25 กิโลเมตร/ลิตร และมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 96 กรัม/กิโลเมตร
ทั้งนี้ ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV สามารถปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ใน 3 โหมด ได้แก่ โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) และโหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode) โดยมาพร้อมกับสวิตซ์ฟังก์ชัน Drive Mode ที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดการขับขี่ตามสไตล์ได้อย่างง่ายดาย ได้แก่ โหมดการขับขี่แบบประหยัด (ECON Mode) โหมดการขับขี่แบบปกติ (Normal Mode) และ โหมดการขับขี่แบบสปอร์ต (Sport Mode)
เทคโนโลยีความปลอดภัย Honda SENSING
เทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ทำงานผ่านกล้องมุมมองกว้างด้านหน้า ช่วยตรวจจับรถยนต์และคนเดินถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีการทำงานหลัก ๆ ดังนี้
นอกจากนั้นแล้วยังมี ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ระบบช่วยเตือนความเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Driver Attention Monitor) กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ (Multi-angle Rearview Camera) ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) และระบบ Auto Brake Hold ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock)
ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้า พร้อมเตือนผู้โดยสารด้านหลัง (Front Passenger and Rear Seat Belt Reminder) และไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง (Rear Seat Reminder) ระบบช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย (Deceleration Paddle Selectors) เสียงเตือนคนภายนอกรถขณะขับขี่โหมดมอเตอร์ไฟฟ้า (AVAS) และอุปกรณ์อุดการรั่วซึมของยางชั่วคราว (TPRK)
เป้าหมายยอดขาย 8,000 คัน
นายโนริยุกิ ทาคาคุระ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า รถยนต์รุ่นใหม่พร้อมที่จะเชื่อมไปสู่การขับเคลื่อนแห่งอนาคตตามเป้าหมายการดำเนินงานในปี2593ของฮอนด้า ทั้งด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อให้การปล่อยก๊าคาร์บอนไดออกไซด์ เป็นศูนย์ สร้างสังคมปลอดมลพิษให้เกิดขึ้นจริง และด้านความปลอดภัย ที่มาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง เพื่อมุ่งไปสู่สังคมปลอดอุบัติเหตุ
"การเปิดตัวฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี ใหม่ จะเสริมความแข็งแกร่งให้ไลน์อัป ฮอนด้า ซีวิค และยนตรกรรมในกลุ่ม e:HEV ของฮอนด้าให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น และมั่นใจว่าจะครองตำแหน่งผู้นำตลาดรถยนต์คอมแพคท์ได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งฮอนด้าวางเป้าหมายการจำหน่ายรถรุ่นใหม่นี้มากกว่า 8,000 คัน ภายในหนึ่งปีนับจากการเปิดตัว"