อีซูซุ ปฏิเสธข่าว ย้ายฐานการผลิตรถจากไทยไปอินโดนีเซีย

08 มิ.ย. 2566 | 06:38 น.
อัปเดตล่าสุด :08 มิ.ย. 2566 | 06:41 น.

ประเด็นร้อน หลังเกิดกระแสข่าว “อีซูซุ” ค่ายรถยนต์รายใหญ่ของญี่ปุ่น มีแผนจะย้ายการผลิตรถยนต์จากโรงงานในไทย ไปอินโดนีเซีย ล่าสุดผู้บริหาร อีซูซุ ปฏิเสธข่าวแล้ว ยืนยันไม่มีแผนย้ายฐานการลงทุนจากไทย

จากกรณีกระแสข่าว “อีซูซุ” ค่ายรถยนต์รายใหญ่ของญี่ปุ่น มีแผนจะย้ายการผลิตรถยนต์จากโรงงานแห่งหนึ่งใน ประเทศไทย ไปยัง ประเทศอินโดนีเซีย นั้น 

ล่าสุด นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยกับฐานเศรษฐกิจว่า บีโอไอ ได้สอบถามไปยังผู้บริหารบริษัท อีซูซุมอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด และได้รับการชี้แจงว่า ทางบริษัทได้คุยกับทางประธานและผู้บริหารระดับสูงของบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่นแล้ว และยืนยันว่า ไม่มีใครให้ข่าว และไม่มีแผนย้ายฐานการลงทุนจากไทย

อย่างไรก็ตาม ในเร็ว ๆ นี้ ทาง อีซูซุ จะมีการชี้แจงรายละเอียดเป็นแถลงการณ์อย่างเป็นทางการอีกครั้ง

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง 

 

ผ่าอาณาจักร “อีซูซุ” รายได้อู้ฟู่ 2.2 แสนล้าน ก่อนลือย้ายฐานไปอินโด

เลขาธิการ บีโอไอ ระบุว่า ปัจจุบันบริษัท อีซูซุมอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ยังลงทุนผลิตรถยนต์ในประเทศไทย และที่ผ่านมาก็ได้รับสิทธิประโยชน์ในด้านการส่งเสริมการลงทุนจากรัฐบาลได้ไปแล้วหลายโครงการ โดยเฉพาะสิทธิประโยชน์การลงทุนเกี่ยวกับการผลิตรถยนต์บรรทุกและรถยนต์กระบะในประเทศไทยอยู่

สำหรับกรณีข่าวการย้ายฐานการลงทุนของ “อีซูซุ” เกิดขึ้นภายหลัง สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานอ้างอิงแถลงการณ์จากกระทรวงอุตสาหกรรมอินโดนีเซีย ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2566 ภายหลัง รัฐมนตรีอุตสาหกรรมอินโดนีเซีย ได้แถลงข่าวภายหลังพบหารือกับคณะผู้บริหารของบริษัทอีซูซุที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อ 6 มิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา 

 

บล.ดาโอ วิเคราะห์ ไทยอ่วม  อีซูซุ หากย้ายฐานการผลิตไปอินโด กระทบหนักหุ้น AH

ทั้งนี้ได้ระบุว่า บริษัท อีซูซุ มอเตอร์ ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของญี่ปุ่น มีแผนจะโยกย้ายการผลิตรถยนต์บางส่วนจากโรงงานแห่งหนึ่งในประเทศไทย ไปยังอินโดนีเซีย โดยจะเริ่มการผลิตอย่างเร็วที่สุดในปี 2567 ซึ่งอินโดนีเซียยินดีกับการตัดสินใจครั้งนี้ และจะมอบสิทธิประโยชน์พร้อมให้การสนับสนุนการย้ายฐานการผลิต

โดย ปัจจุบันอินโดนีเซียเป็นฐานการผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นหลายค่าย อาทิ ฮอนด้า มิตซูบิชิ ซูซูกิ และอินโดนีเซียกำลังผลักดันตนเองให้ก้าวสู่การเป็นฐานการผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า เนื่องจากมีวัตถุดิบจำนวนมาก