ในงาน เซี่ยงไฮ้ ออโต้โชว์ 2023 หรือ AUTO Shanghai 2023 (Shanghai International Automobile Industry Exhibition) ครั้งที่ 20 จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 18 -27 เมษายน 2566 ค่ายสตาร์ทอัพน้องใหม่จากจีน แบรนด์เนต้า ก็ได้เปิดตัวรถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้า 100 % ในรุ่น NETA GT
สำหรับ NETA GT มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 78 kWh ให้ระยะทางสูงถึง 660 กม. ต่อการชาร์จเต็ม (มาตรฐาน CLTC) ขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อโดยมาพร้อมขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ชุด ให้พละกำลังสูงถึง 340 กิโลวัตต์ หรือ 462 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงถึง 620 นิวตัน-เมตร ให้อัตราเร่ง 0-100 กม/ชม ภายใน 3.7 วินาที โดดเด่นด้วยปุ่ม “One-Click Eject Button” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการออกตัวแบบพุ่งทะยานไปข้างหน้าด้วยอัตราเร่งสูงสุด
NETA GT มาพร้อมระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบ Double Wishbone independent suspension และด้านหลังแบบ Five-link independent suspension ที่ได้รับการปรับจูนช่วงล่างแบบสปอร์ต และการออกแบบให้รถมีความสมดุลด้วยการกระจายน้ำหนักหน้า-หลังที่อัตราส่วน 50:50 พร้อมเบรกคาลิเปอร์ประสิทธิภาพสูงด้านหน้าแบบ Four-piston fixed caliper และ ด้านหลังแบบ Single-piston floating caliper ช่วยเพิ่มสมรรถนะในการขับขี่
นอกจากนั้นแล้ว NETA GT มาพร้อมระบบช่วยในการขับขี่ NETA PILOT 2.5 และมั่นใจด้วย Dual Horizon Journey 3 ชุด ให้การทำงานของระบบต่างๆ และการประมวลผลรวดเร็วมากยิ่งขึ้น กล้องรอบคัน 5 ตำแหน่ง เซนเซอร์แบบอัลตราโซนิค 12 ตำแหน่ง เรดาร์แบบ Millimeter wave 5 ตำแหน่ง และระบบช่วยเหลือในการขับขี่อีก 17 ระบบ ไม่ว่าจะเป็น ACC , TJA, LKA, AEB, FCW, DOW, RCTA, Automatic parking assist รวมไปถึง Remote parking
ในด้านดีไซน์ NETA GT ออกแบบเพื่อการเป็นรถสปอร์ต (Pure Sports Car Design) ด้วยรูปลักษณ์ทรงสปอร์ตแบบ 2 ประตู ตัวรถมีความลู่ลมโดยมีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน (Cd) เพียง 0.21 ล้อดีไซน์สปอร์ตขนาด 19 นิ้ว
ภายในห้องโดยสาร NETA GT ใช้วัสดุบุนุ่มทั่วทั้งคันพร้อมเบาะหนังแบบ Nappa ห้องโดยสารโอ่โถงด้วย Super Large Panoramic Glass roof สามารถควบคุมและสั่งการระบบของรถรวมถึงความบันเทิงต่างๆ ได้อย่างง่ายดายผ่านหน้าจอ Cluster ขนาดใหญ่ถึง 10.25 นิ้ว และหน้าจอกลางขนาด 17.6 นิ้ว ที่มีความละเอียดสูงถึง 2.5K พร้อมลำโพง 12 จุดทั่วทั้งคัน
นอกจากนั้นแล้วยังมีการประมวลผลอัจฉริยะด้วยชิปประมวลผลรุ่นล่าสุด Qualcomm Snapdragon 8155 Generation ที่ 3 พร้อมซีพียูแบบ 8-Core และโปรเซสเซอร์ 7nm ที่ช่วยประมวลผลการใช้งานรวดเร็วทันใจ