โตโยต้า-ซีพี ลุยรถไฮโดรเจน FCEV พลังขี้ไก่ เดินเครื่อง พ.ย.นี้

ตามที่พันธมิตร โตโยต้า เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) พร้อมกลุ่ม CJPT และลงนามบันทึกความเข้าใจ(MOU) ร่วมมือกันแสวงหาหนทางสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนในประเทศไทย เมื่อเดือนเมษายน ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นกระบวนการต่อเนื่องหลังจาก “ธนินท์ เจียรวนนท์” ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ และ“อากิโอะ โตโยดะ” นายใหญ่โตโยต้า เห็นชอบในแนวทางตั้งแต่ปลายปี 2565

กลุ่ม CJPT - Commercial Japan Partnership Technologies Corporation บริษัทภาคีที่มีโตโยต้า ไดฮัทสุ อีซูซุ ซูซูกิ ฮีโน่ ร่วมกันถือหุ้น เริ่มดำเนินการในญี่ปุ่น ช่วงปี 2564 เพื่อพัฒนาและแบ่งปันทรัพยากร มุ่งสู่เป้าหมายสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอน ด้วยแผนงานที่หลากหลาย ซึ่งประเทศไทยเป็นจุดหมายที่สอง ที่ CJPT จะนำโมเดลต่างๆ จากญี่ปุ่นมาใช้อย่างเป็นรูปธรรม

ขณะเดียวกัน โตโยต้า CJPT ยังเปิดรับพันธมิตรท้องถิ่นให้มาร่วมหัวจมท้าย เพราะนอกจาก ซีพี แล้ว ยังมี เอสซีจี” ที่ประกาศความร่วมมือไปก่อนหน้านี้ กับเป้าหมายดำเนินโครงการเพื่อสังคม ที่จะครอบคลุมทั้งวงจรการผลิต การขนส่ง และการใช้พลังงาน

ทั้งนี้ ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โตโยต้า และ CJPT นำยานยนต์รักษ์โลกหลายรุ่นมาจัดแสดงเทคโนโลยี พร้อมเปิดโอกาสให้สื่อมวลชน และพันธมิตรจากหน่วยงานราชการ-เอกชนได้สัมผัส โดยไฮไลต์อยู่ที่ กลุ่ม FCEV พลังไฮโดรเจน ทั้งรถบัส-รถบรรทุก-รถตู้ไฟฟ้า ไปจนถึงกระบะไฟฟ้า Hilux Revo BEV และ Japan Taxi Hybird เครื่องยนต์ LPG

ในส่วนรถตู้ Majesty FCEV ยังถูกโปรโมทว่า ได้พลังงานมาจากฟาร์มเลี้ยงสัตว์ของซีพี หรือนำขี้ไก่มาหมักจนได้ก๊าซมีเทน จากนั้นนำมาผ่านขั้นตอน เพื่อแยกก๊าซไฮโดรเจนออกมา ก่อนจะทำให้บริสุทธิ์แล้วนำมาใช้เป็นพลังงานขับเคลื่อนรถฟิวส์เซลล์ (ส่วน FCEV รุ่นอื่นๆ ใช้ไฮโดรเจนของ BIG ที่ได้มาจากกระบวนการในอุตสาหกรรมปิโตรเลียม)

ล่าสุดโครงการนี้มีความคืบหน้า เมื่อโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชัน  ประเทศญี่ปุ่น ออกแถลงการณ์ว่า โตโยต้า และ มิตซูบิชิ คาโคกิ เตรียมเปิดตัวอุปกรณ์ผลิตไฮโดรเจนจากก๊าซชีวภาพในประเทศไทย ช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้

โดยบริษัท มิตซูบิชิ คาโคกิ จำกัด จะมาติดตั้งอุปกรณ์เพื่อผลิตไฮโดรเจนจากก๊าซชีวภาพที่ได้จากมูลไก่ในท้องถิ่น และเศษอาหาร โดยโตโยต้า มอเตอร์ และ โตโยต้า ทูโช จะร่วมมือกันในการผลิตไฮโดรเจน ซึ่งครอบคลุมถึงระบบโดยรวมสำหรับการบีบอัด การจัดเก็บ และการขนส่งทั้งก๊าซชีวภาพ และไฮโดรเจน ตลอดจนการจัดตั้งระบบการทำงานและระบบปฏิบัติการต่างๆ

เนื่องจากอุปกรณ์ผลิตไฮโดรเจนดังกล่าว ไม่เหมือนกับอุปกรณ์ผลิตไฮโดรเจนสำหรับสถานีไฮโดรเจนทั่วไป ทั้งสามบริษัท และบริษัทในเครือ จะทำงานร่วมกัน และหารือเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการออกแบบให้เหมาะสมกับการทำงานในแต่ละท้องถิ่น อุปกรณ์นี้จะถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งในการเริ่มดำเนินการทางด้านการผลิต การขนส่ง การจัดเก็บ และการใช้ไฮโดรเจน

รายงานระบุว่า ทั้งสามบริษัทจะใช้เทคโนโลยีไฮโดรเจนของประเทศญี่ปุ่น เพื่อส่งเสริมพลังงานสะอาดที่ได้มีการปรับให้เหมาะกับแต่ละประเทศ คาดว่าโครงการนำร่องในไทยนี้ สามารถผลิตไฮโดรเจนได้ถึง 1,000 ลิตรต่อชั่วโมง ซึ่งพลังงานที่ได้จะถูกนำมาใช้ขับเคลื่อนรถ FCEV ในกิจการขนส่งของซีพี ต่อไป