นายคณิสสร์ ศรีวชิระประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NEX เปิดเผยว่า สำหรับผลการดำเนินงานของ NEX นั้น ยอมรับว่าได้กระแสตอบรับอย่างดีจากกลุ่มผู้ประกอบการภาคขนส่งที่ต้องการลดต้นทุนและช่วยลดมลพิษฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 จึงหันมาเปลี่ยนใช้รถบรรทุกEV และรถหัวลาก EV เป็นทางเลือกในการขนส่ง แม้ว่ารถEVจะมีต้นทุนสูงกว่ารถสันดาปก็ตาม แต่มั่นใจว่าจะช่วยลดต้นทุนพลังงานได้แน่นอน ทั้งนี้ ในปี 67 NEX ตั้งเป้าว่าจะส่งมอบรถบรรทุกไฟฟ้าและรถหัวลากไฟฟ้าให้ลูกค้าได้ไม่น้อยกว่า 5,000 คัน ซึ่งเวลานี้ก็มีออเดอร์ทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่องแล้ว
นายคณิสสร์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมา NEX ได้ส่งมอบรถหัวลากพลังงานไฟฟ้า (EV) ซึ่งเป็นรถหัวลากพลังงานสะอาดให้กับ บริษัท โลจิสติกส์ เอเชีย จำกัด เพื่อใช้ในการขนส่งสินค้าทั่วประเทศให้กับ บริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัดโดย NEX มีเป้าหมายให้ความร่วมมือและสนับสนุนพันธมิตรอย่างเข้มแข็ง เพื่อตอบโจทย์ Green Logistics Sustainability ซึ่งเป็นกระบวนการบริหารจัดการการขนส่งที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ทั้งยังช่วยประหยัดพลังงาน ลดต้นทุนในการขนส่งสินค้า และเพิ่มประสิทธิภาพการแข่งขันในอนาคต
ทั้งนี้บริษัท โลจิสติกส์ เอเชียฯ ถือเป็นบริษัทที่ให้บริการด้านการขนส่งขนาดใหญ่ในประเทศไทย จึงขอขอบคุณที่ไว้วางใจเลือกใช้บริการรถจาก NEX ในก้าวแรกที่เริ่มปรับเปลี่ยนมาใช้รถ EV ในการขนส่งสินค้า จากการหารือร่วมกันก็ทำให้ทราบถึงแผนการดำเนินงานของบริษัท โลจิสติกส์ เอเชียฯ ว่ามีเป้าหมายในการเปลี่ยนรถสันดาปที่ใช้อยู่เป็นรถEV ทั้งหมดในอนาคต ดังนั้นมั่นใจว่าจะส่งผลให้เกิดการลดต้นทุนอย่างแท้จริงและทำให้บริษัทฯมีกำไรมากขึ้น
นายลีอันโด มาร์ติน ซาซาร์เร็ตต้า ประธานเจ้าหน้าที่บริการ บริษัท โลจิสติกส์ เอเชีย จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ รับมอบรถหัวลากไฟฟ้าจาก NEX เพื่อนำมาใช้บริการขนส่งสินค้า ให้แก่ บริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด ในกลุ่มสินค้าประเภทเครื่องดื่มและกลุ่ม FMCG (Fast Moving Consumer Goods) ครอบคลุมทุกภาคทั่วประเทศไทย
“บริษัทมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำบริษัทโลจิสติกส์ในอาเซียนที่มีการพัฒนาและสร้างนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทฯ เลือกใช้รถขนส่ง, อุปกรณ์ส่วนควบต่างๆ และเทคโนโลยีในด้านการบริหารจัดการการขนส่งที่ดีที่สุดในตลาด และสามารถออกแบบได้เหมาะสมกับธุรกิจของลูกค้า”
นายลีอันโด กล่าวต่อว่า บริษัทฯ ได้จัดทำแผนพัฒนาธุรกิจที่เน้นเรื่องพลังงานสะอาด เพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้า โดยความร่วมมือดังกล่าวถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่ได้ปรับเปลี่ยนการใช้รถสัปดาปมาเป็นรถEV เป็นครั้งแรกจำนวน 10 คัน เพื่อนำมาใช้บริการขนส่งสินค้าให้แก่ บริษัท ไทยน้ำทิพย์ ก่อน ส่วนลูกค้ารายอื่นของบริษัทฯนั้นอยู่ระหว่างการหารือกับ NEX ในการทยอยเปลี่ยนรถสันดาปที่ให้บริการอยู่เป็นรถEVในอนาคต
นอกจากนี้บริษัทฯได้ให้บริการด้านการขนส่งกับบริษัทฯขนาดใหญ่ในไทยหลายราย ซึ่งปัจจุบันมีรถในฟีดที่ให้บริการอยู่กว่า 300 คัน ดังนั้นจึงวางแผนว่าภายใน 5 ปีจะทยอยเปลี่ยนไปใช้รถหัวลากEV ให้ได้ 25% ของฟีดรถทั้งหมด และตั้งเป้าหมายว่า ภายในระยะเวลา 7 ปี ตั้งแต่ปี 2567-2573 การดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ จะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนลงได้ 25% และเป็นศูนย์ในปี 2583 ซึ่งถึงจุดนี้บริษัทฯจะใช้รถEV ในการให้บริการทั้งหมด
อย่างไรก็ตามในส่วนของบริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด เป็นผู้นำอุตสาหกรรมเครื่องดื่มในประเทศไทย อาทิ โคคา-โคล่า, โค้ก ไม่มีน้ำตาล, โค้ก ไลท์ และผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มยอดนิยมในประเทศไทย ได้แก่ แฟนต้า, สไปรท์, ชเวปส์, รูทเบียร์ เอ แอนด์ ดับบลิว, น้ำส้มมินิทเมด สแปลช, มินิทเมด ฟัลพิ และน้ำดื่มน้ำทิพย์ ที่มีสำนักงานสาขาครอบคลุม 63 จังหวัด และโรงงานผลิตขวด 5 แห่ง มีการจ้างงานกว่า 8,000 คนทั่วประเทศ ดำเนินธุรกิจในฐานะองค์กรที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม ควบคู่กับการสร้างประโยชน์ให้กับชุมชนมาโดยตลอด.