ค่ายรถยนต์ไฟฟ้าอันดับหนึ่งของจีน เริ่มตีกลอง เคาะระฆัง หวังให้ลูกค้าเก็บเงินรอ ด้วยการจัดอีเวนต์ให้สื่อมวลชนได้ลองขับ EV รุ่นใหม่ ที่สนามพีระ เซอร์กิต จ.ชลบุรี ก่อนการทำตลาดอย่างเป็นทางการ
งานนี้ มีทั้งรถพวงมาลัยซ้ายและขวาครับ โดยกลุ่มแรกนำโดย Denza D9 รถตู้พรีเมี่ยม ตามด้วย BYD Seagull แฮตช์แบ็ก ขนาดเล็ก ส่วนกลุ่มหลังมี BYD M6 เอ็มพีวี และ BYD Sealion 7 คอมแพกต์เอสยูวี
อย่างไรก็ตาม ในบรรดารถทั้งหมดนี้ มีเพียงเจ้านางนวลตัวน้อย BYD Seagull ที่ยังไม่มีแผนเปิดตัวในไทยภายในปี 2024 เพราะถ้าจะขายจริงๆ คงต้องรอการประกอบรุ่นพวงมาลัยขวาแบบเป็นเรื่องเป็นราว ซึ่งในปัจจุบันโรงงานบีวายดี จ.ระยอง ยังไม่ยืนยันแผนงานนี้ (ที่ประกอบ แน่ๆ ภายในปี 2024 คือ BYD Dolphin และ เอสยูวีปลั๊ก-อิน ไฮบริด BYD Seal U)
ผมมีโอกาสได้ลองขับทุกคัน แม้ตัวที่ยังไม่ขายอย่าง BYD Seagull กับ แฮตช์แบ็ก 5 ประตู 4 ที่นั่ง (ข้างหลังนั่งได้ 2 คน) มอเตอร์ขับเคลื่อนล้อหน้ากำลัง 74 แรงม้า แรงบิด 135 นิวตัน-เมตร แบตเตอรี่ LFP ความจุ 38.88 kWh ชาร์จไฟเต็มหนึ่งครั้งวิ่งได้ 400 กม. (มาตรฐาน NEDC)
ตัวถังขนาดกะทัดรัด ความ ยาวแค่ 3.78 เมตร ส่วนความกว้างประมาณ 1.7 เมตร คิดดูว่าเล็กขนาดใช้ใบปัดนํ้าฝนหน้าก้านเดียวก็เอาอยู่ (ส่วนด้านหลังไม่มีใบปัดนํ้าฝน) ส่วนล้อใช้ขนาด 16 นิ้ว ประกบยาง 175/55 R16 พร้อมดิสก์เบรก 4 ล้อ
ขณะที่นํ้าหนักรถเปล่าไม่ถึง 1.2 ตัน ฉะนั้นกำลังขนาดนี้ถือว่าเพียงพอต่อการขับเคลื่อน แม้สมรรถนะรวมๆ ในทุกด้าน BYD Seagull ไม่ถึงกับเด็ดขาดมาก แต่ผมว่าน่าจะเหมาะกับการขับในเมือง กับตัวรถสั้นๆ มีความคล่องแคล่ว ขึ้นตึกจอดรถสบาย บิดซ้าย ป่ายขวา ก็เข้าจอดง่าย
BYD Seagull ที่จีนขายอยู่ 70,000 หยวน (ประมาณ 350,000 บาท) ส่วนเมืองไทยก็ควรตั้งราคาไม่เกิน 6 แสนบาทละครับถ้าจะขายจริงๆ
อีกหนึ่งคันที่ขับดีเกินคาดคือ BYD M6 เอ็มพีวี 6 ที่นั่ง หรือก็คือรุ่นใหม่ของ e6 โดย ช่วงล่าง-การควบคุมดีแบบไม่น่าเชื่อ กำลัง 201 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 310 นิวตัน-เมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 8.6 วินาที
ด้านแบตเตอรี่ความจุ 71.8 kWh ชาร์จไฟเต็มหนึ่งครั้งวิ่งได้ 500 กม. (มาตรฐาน NEDC) ออนบอร์ดชาร์เจอร์ DC รองรับได้ถึง 115 kW (มาแบบนี้ เผื่อไว้ทำแท็กซี่ด้วย) ซึ่งผมว่าใครนิยมรถอเนกประสงค์ทรงนี้ แล้วชอบขับรถเอง BYD M6 ตอบโจทย์ครับ คาดว่าจะเปิดตัวในช่วงไตรมาส 3 ราคา ประมาณล้านต้นๆ
เหนืออื่นใด รถยนต์ไฟฟ้าที่สมรรถนะโหดสุดของการทดลองขับในอีเวนต์นี้ ต้องยกให้ BYD Sealion 7 คอมแพกต์ เอสยูวี ระยะทางวิ่ง 540 กม./ชาร์จ
EV สิงโตทะเล หนึ่งในรถซีรีส์มหาสมุทร ใช้มอเตอร์ 2 ตัวขับเคลื่อนล้อหน้า-หลังกำลังรวมกัน 523 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 670 นิวตัน-เมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 4.5 วินาที
รถแรงจริง ยิ่งปรับไปโหมด Sport กระแทกคันเร่งจมพื้นตั้งแต่ออกตัว ก็คล้ายๆ ทำ Launch Control ของรถยุโรป ที่รถจะท้าทายแรง G พุ่งแหวกอากาศ กระชากวิญญาณให้แยกออกจากร่างได้เลยทีเดียว
สมรรถนะจัดจ้านจากพลังของมอเตอร์ไฟฟ้า แต่เรื่องไดนามิกส์รวมๆ อาจจะยังไม่ได้ไปด้วยกัน ทั้งเรื่องบาลานซ์ การควบคุม กับช่วงล่างหน้าปีกนกสองชั้น หลังมัลติลิงก์ พร้อมล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว ประกบยาง 245/45 R20
สำหรับ BYD Sealion 7 ราคาน่าจะเกิน 1.5 ล้านบาท แต่ไม่ถึง 1.9 ล้านบาท กับเอสยูวี EV สไตล์สปอร์ต แล้วอย่าลืมว่าภายในปีนี้ เขายังมีเอสยูวีปลั๊ก-อินไฮบริด อย่าง BYD Seal U ขายอีกรุ่นด้วยนะครับ
ส่วน EV ที่จะพร้อมขายเป็นรุ่นสุดท้ายในปีนี้คือ Denza D9 รถตู้พรีเมี่ยม วิ่งได้ระยะทาง 580 กม./ชาร์จ ที่ตอนนี้กำลังให้ดีลเลอร์เตรียมการเปิดโชว์รูมใหม่ แยกออกมาจากแบรนด์ BYD อย่างชัดเจน
กลายเป็นว่า บรรดารถจีนต้องมีรถประเภทนี้ทำตลาด แย่งยอดขายกันอย่างจริงจังแล้วละครับ โดยรถตู้ 7 ที่นั่ง เบาะ 3 แถวแบบ 2-2-3 คันนี้ คาดว่าราคาจะเกิน 2 ล้านบาทแน่นอน