สงครามราคา EV จีนยืดเยื้อ มีแนวโน้มปรับลดราคาลงอีก ทั้งจากกลไกตลาด และต้นทุนแบตเตอรี่ลดลง สอดคล้องกับการตั้งโรงงานในไทย ที่ต้องผลิตชดเชยการนำเข้าตามเงื่อนไขภาครัฐ คาดปลายปีนี้ EV จีน มีอัดโปรโมชันระบายสต๊อกแน่
ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า EV โตแบบก้าวกระโดด ค่ายจีนแห่เข้ามาดำเนินธุรกิจ พร้อมตั้งฐานผลิตในไทย ซึ่งปีนี้มีโรงงานใหม่ทั้ง BYD GAC NETA WULING ไม่รวมค่ายที่มีโรงงานผลิตอยู่เดิมแล้วขยายการลงทุนเพิ่มอย่าง MG และ GWM
ส่วนยอดขาย EV ปีนี้ อาจจะไม่สูงตามความคาดหมายที่ 1.2-1.3 แสนคัน(ประเมินช่วงต้นปี) ด้วยสภาพเศรษฐกิจและสถานการณ์ตลาดรถยนต์โดยรวมที่ร่วงกันถ้วนหน้า เพราะหลังจากผ่านครึ่งปีแรก (ม.ค.-มิ.ย.67) ตลาดรวมมียอดขาย 3.1 แสนคัน ลดลง 24% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว จึงคาดว่าปีนี้เต็มที่จะปิดตัวเลขประมาณ 7 แสนคัน
หาก EV มีส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 10% ของตลาดรถยนต์รวม ดังนั้นยอดขายปี 2567 คงรักษาระดับไว้ที่ 7 หมื่นคัน หรือไต่ไปไม่เกิน 1 แสนคัน (ปี 2566 ยอดจดทะเบียน EV อยู่ที่ 76,538 คัน) และแน่นอนว่า การไปให้ถึงเป้าหมาย ช่วงปลายปีนี้อาจจะได้เห็นโปรโมชันเสริมการขาย EV แบบหวือหวาอีก
โดยนับตั้งแต่ปลายปี 2566 ต่อเนื่องมาถึงปีนี้ ค่าย EV จีนเปิดตัวรถใหม่เพียบ แถมอัดโปรโมชันอย่างต่อเนื่อง นำโดยเจ้าตลาดบีวายดี ที่ล่าสุดในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา จัด Run out แคมเปญ ให้ Dolphin ลดราคา 1.4 และ 1.6 แสนบาท ส่วน ATTO3 ลดตั้งแต่ 9 หมื่น - 3.4 แสนบาท
ด้านแหล่งข่าวจากบีวายดี ระบุว่า การลดราคาช่วงนี้ยังไม่เกี่ยวกับต้นทุนการผลิต หรือราคาต้นทุนแบตเตอรี่ที่ลดลง แต่ลดลงจากกลไกตลาด การทำโปรโมชันตามช่วงเวลา อย่างแคมเปญล่าสุดต้องเคลียร์สต๊อก Dolphin รุ่นนำเข้า เพราะเตรียมเปิดตัวรุ่นประกอบในประเทศ(โรงงานเสร็จแล้ว) ส่วน ATTO3 รุ่นที่บอกว่าลดราคาหนักๆ เป็นโมเดลปี 2023 ที่ทำโปรโมชันมาต่อเนื่อง และแคมเปญล่าสุดคือลดเพิ่มอีก 1 แสนบาท (รวมตั้งแต่เปิดตัวทำให้ลดราคาลงมาถึง 3.4 แสนบาท) ขณะที่สิทธิประโยชน์ “เรเว่ แคร์” ก็ไม่ได้เทียบเทียบกับลูกค้าที่ซื้อรถไปก่อนหน้านี้
นายประธานวงศ์ พรประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเรเว่ เปิดเผยว่า บีวายดี มีโครงสร้างราคาที่ไม่เหมือนบริษัทอื่นๆ เพราะใช้ One Price Policy ราคาเดียวกันทั้งประเทศ ซึ่งก็มีข้อดีข้อเสีย โดยข้อดีคือเป็นการให้เกียรติลูกค้า เพราะตอนที่ซื้อไปไม่มีใครได้ราคาถูก-แพงกว่ากัน ขณะเดียวกันด้วยนโยบายนี้ทำให้การใช้แคมเปญ หรือโปรโมชันยังต้องทำกลางแจ้ง (ประกาศให้รับรู้ทั่วกัน อย่างเป็นทางการ) ต่างจากแบรนด์อื่น ที่ซัพดาวน์ไปยังดีลเลอร์ และวิธีการสื่อสารกับลูกค้าก็ต่างกันไป
ค่ายอื่นๆ ก็ใช้โปรโมชันเหมือนกัน เพียงแต่เขาไม่ประกาศกลางแจ้ง ต่างจากบีวายดี แต่ก็อาจจะมีดราม่าตามที่เป็นข่าว จากนี้ไปบริษัทพิจารณาความถี่ของแคมเปญ หรือการใช้นโยบายด้านราคา และพร้อมเยียวยาลูกค้าที่ซื้อรถไปก่อนหน้านี้
นายหลิว เสวียเลี่ยง ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายขาย บีวายดี ออโต้ เอเชียแปซิฟิก เปิดเผยว่า การใช้โปรโมชัน หรือการทำราคา ขึ้นอยู่กับกลไกตลาด เป็นไปตามธรรมชาติเศรษฐกิจที่ควรจะเป็น แต่บริษัทฯ ยินดีรับฟังเสียงของลูกค้าอยู่เสมอ และกำลังพิจารณาแผนเยียวยาลูกค้าเก่า BYD ที่ร้องเรียนเรื่องการลดราคาอยู่ คาดว่าเร็วๆนี้ จะได้ข้อสรุป
นายวิษณุ วงศ์สินศิริกุล เลขาธิการคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) เปิดเผยกับฐานเศรษฐกิจว่า กรณีบีวายดีลดราคา จากที่ทราบข้อมูลเบื้องต้นยังไม่ผิดกฎหมายการแข่งขันทางการค้า เนื่องจากเป็นการลดราคาเพื่อการแข่งขันธุรกิจ ซึ่งถือว่าเป็นกลยุทธ์ทางการตลาด
“กฎหมายการแข่งขันทางการค้า หรือ พรบ.แข่งขันฯ ปี 60 จะเป็นการคุ้มครองผู้ประกอบการธุรกิจ สมมติว่า บีวายดีลดราคาและบังคับให้คู่ค้าหรือซัพพลายเออร์ ต่างๆ ลดราคาสินค้าตามด้วย มีโอกาสเข้าข่ายผิดกฎหมายแข่งขันทางการค้า แต่จากที่ได้รับข้อมูลข่าวสารต่างๆ เหมือนเขาลดราคา แต่ยังไม้ได้ไปสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ประกอบธุรกิจ หรือสร้างความเดือดร้อนให้กับคู่แข่ง จึงยังไม่เข้าข่ายผิดกฎหมายแข่งขันทางการค้า” นายวิษณุ กล่าว
อย่างไรก็ตาม จากการประกาศลดราคาของบีวายดี ส่งผลให้ EV คู่แข่งต้องปรับตัวตาม อย่าง NETA V-II จัดส่วนลด 5 หมื่นบาททำให้ราคาเริ่มต้นเหลือ 4.99 หมื่นบาท พร้อมรับประกันแบตเตอรี่และมอเตอร์ไฟฟ้า ตลอดอายุการใช้งาน
ขณะที่เอ็มจี บางดีลเลอร์ ประกาศลดราคา MG ZS EV สูงสุด 250,000 บาท โดยรุ่นย่อย D เหลือ 699,000 บาท และรุ่น X Sunroof จากราคา 1,023,000 บาท ลดเหลือ 799,000 บาท ล่าสุด เอ็มจี ประกาศนโยบายบริการหลังการขายใหม่ โดยเพิ่มการรับประกันคุณภาพตลอดอายุการใช้งาน ของแบตเตอรี่แรงดันสูง ชุดมอเตอร์ไฟฟ้า และชุดควบคุมมอเตอร์ขับเคลื่อน ครอบคลุม EV 4 รุ่น คือ MG4, MG MAXUS 9, MG MAXUS 7 และ MG CYBERSTER
ด้านบริษัท อีวี ไพรมัส จำกัด ผู้จัดจำหน่ายวู่หลิง (WULING) เปิดตัว Binguo EV ที่นำเข้าจากประเทศอินโดนีเซีย แบ่งการขายเป็น 2 รุ่นย่อยคือ รองรับการชาร์จ AC 7 kW ราคา 4.19 แสนบาท และรองรับการชาร์จทั้ง AC 7 kW / DC 50kW ราคา 4.49 แสนบาท ซึ่งถือเป็นราคาที่ต่ำกว่าที่คาดหมายไว้ในตอนแรก