เชอรี่ ตั้งเป้าขึ้นท็อป 3 ตลาดเก๋งเมืองไทย เปิดตัว OMODA C5 EV - JAECOO 6

12 ส.ค. 2567 | 05:44 น.
อัปเดตล่าสุด :12 ส.ค. 2567 | 05:50 น.

เชอรี่ ส่งแบรนด์ โอโมดา เจคู ลุยไทย เปิดตัว OMODA C5 EV และ JAECOO 6 EV ย้ำไม่เล่นสงครามราคา ตั้งเป้าภายใน 3 ปีขึ้นท็อป 3 ตลาดรถยนต์นั่ง

นายฉี เจี๋ย ประธาน บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ เปิดตัวรถใหม่อย่างเป็นทางการในไทย รุ่น OMODA C5 EV ที่มี 2 รุ่นย่อยให้เลือก ราคา 8.99 และ 9.49 แสนบาท เริ่มทยอยส่งมอบ ก.ย.นี้ ส่วนอีกรุ่น JAECOO 6 EV ราคาประมาณการ 1.099 -1.249 ล้านบาท เริ่มส่งมอบ ต.ค.นี้

 

“ราคาที่ประกาศขายเป็นราคาตามมาตรการส่งเสริม EV 3.5 แล้ว ซึ่งเรายืนยันว่าจะไม่มีการลดราคาภายใน 2-3 เดือนนี้อย่างแน่นอน ส่วนเรื่องสงครามราคาที่เกิดขึ้น เรามองว่าสถานการณ์ในตอนนี้เริ่มซาเริ่มสงบลงแล้ว ในส่วนของเราวางแผนมาเป็นปี เพื่อพัฒนาและปรับปรุงสินค้าให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าในไทย ซึ่งเราตั้งเป้าที่จะอยู่ระยะยาว และเราก็ตั้งใจให้โรงงานในไทยเป็นฮับของรถEV พวงมาลัยขวา”

OMODA C5 EV

JAECOO 6 EV

นายฉี เจี๋ย กล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรงงานในไทย โดยระบุว่า ได้เซ็นสัญญากับโรงงานสำเร็จรูปแห่งหนึ่งที่ระยองแล้ว ภายในสิ้นเดือนนี้จะประกาศความชัดเจนอีกครั้ง แต่เบื้องต้นโรงงานแห่งนี้เฟสแรกจะผลิต 5 หมื่นคัน หลังจากนั้นเฟส 2 จะเพิ่มเป็น 8 หมื่นคัน โดยรถรุ่นแรกที่จะประกอบคือ OMODA C5 EV

 

“ปัจจุบันบริษัทแม่ฯ เชอรี่ ออโตโมบิล มีโรงงานพวงมาลัยขวา 11 แห่งทั่วโลก ถ้าในภูมิภาคนี้จะมีที่ไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ซึ่งแต่ละแห่งจะมีการประกอบรถที่แตกต่างกันตามความต้องการของตลาดในแต่ละประเทศ ยกตัวอย่างไทย ผลิต EV เป็นหลัก ส่วนมาเลเซียก็ผลิตปลั๊ก-อิน ไฮบริด ทั้งนี้ในส่วนของโรงงานในไทย ช่วงแรกจะผลิตเพื่อป้อนตลาดในประเทศก่อน หลังจากนั้นจะส่งออกไปยังภูมิภาคอาเซียน ออสเตรเลียและตะวันออกกลาง” 

การเข้ามารุกในตลาดประเทศไทยในครั้งนี้ บริษัทฯคาดหวังว่าจะเพิ่มทางเลือกสำหรับลูกค้า ซึ่งรถรุ่นที่นำเข้ามาขายตอนนี้ไม่มีคู่แข่งโดยตรง และบริษัทฯตั้งเป้าหมายเน้นสร้างตลาดระยะยาว ซึ่งเบื้องต้นบริษัทฯตั้งเป้าหมายภายใน 3 ปีจะติดท็อปทรีในตลาดรถยนต์นั่งของไทย

เชอรี่ ตั้งเป้าขึ้นท็อป 3 ตลาดเก๋งเมืองไทย เปิดตัว OMODA C5 EV - JAECOO 6

ปัจจุบันมีโชว์รูมและศูนย์บริการที่พร้อมแล้ว 25 แห่ง โดยในกทม.มีประมาณ 20 แห่ง นอกนั้นก็จะกระจายอยู่ตามหัวเมืองใหญ่ ทั้ง เชียงใหม่ เชียงราย สงขลา ขอนแก่น นครราชสีมา และภายในปีนี้จะขยายถึงกว่า 40 แห่ง