จากกรณีหมูเถื่อน ที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ร้องเรียนต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ขอให้ดำเนินคดีอาญากับ เจ้าหน้าที่รัฐ นายทุน บริษัทชิปปิ้ง เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2566 จนนำมาสู่การตรวจพบพบสินค้าประเภทสุกรแช่แข็งจำนวน 161 ตู้ที่นำเข้าอย่างผิดกฎหมายนั้น
ล่าสุด (4 ธันวาคม 2566) นายอัจฉริยะ ได้เตรียมประสานกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เข้าตรวจสอบบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าเนื้อหมูเถื่อนเพิ่มเติมภายในวันที่ 20 ธันวาคมนี้ และจะไปยื่นเรื่องกับนายรังสิมันต์ โรม สส.พรรคก้าวไกล เพื่อร้องเรียนว่า เนื้อหมูเถื่อนอีก 140 กว่าตู้ มีการทำลายล่าช้า จึงเชื่อว่า น่าจะมีการปกปิดการทำลายหมูเถื่อนเหล่านี้ โดยจะไปยื่นหนังสือร้องเรียนที่รัฐสภา เวลา 9:00 ในวันที่ 7 ธันวาคม
นอกจากนี้ นายอัจฉริยะ ยังได้เข้าพบ พ.ต.ท.อัศวิน พันธ์ุวงษ์ สว.(สอบสวน) กก.3.บก.ปปป. เพื่อยื่นเรื่องดำเนินคดีกับ 2 บริษัทชิบปิ้ง และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกรมปศุสัตว์ จำนวน 5 คน หลังพบว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับ "การลักลอบนำเนื้อวัวหมดอายุ" หรือ เนื้อวัวเถื่อน" ออกไปขายสู่ท้องตลาด จำนวน 3 ตู้คอนเทนเนอร์ น้ำหนักกว่า 75 ตัน ที่ถูกกักเก็บไว้ที่ท่าเรือแหลมฉบัง เมื่อช่วงปี 2564
นายอัจฉริยะ กล่าวว่า เนื้อวัวและเครื่องในวัว ถูกลักลอบนำเข้ามาโดย 2 บริษัทนำเข้าเนื้อวัวรายใหญ่ เมื่อปี 2561 ซึ่งมีเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ทำการอายัดของกลางเอาไว้ตรวจสอบ ทำให้เนื้อวัวจำนวน 3 ตู้ หรือ ประมาณ 75-80 ตัน ไม่สามารถนำออกไปขายสู่ท้องตลาดได้ จนเวลาล่วงเลยไปกว่า 2 ปี
โดยเมื่อ ปี 2563 ทางปศุสัตว์ได้อนุญาตให้บริษัทนำเข้านำเนื้อวัวออกไปขายได้ แต่ปรากฏว่า เนื้อวัวส่วนใหญ่มีสภาพเน่าเสีย ไม่ได้คุณภาพเนื่องจาก หมดอายุ แต่ได้นำออกสู่ท้องตลาด โดยไม่มีการตรวจสอบ ตนจึงสงสัยว่าเจ้าหน้าที่มีอำนาจตรวจสอบในขณะนั้น มีส่วนรู้เห็น
ซึ่งปัจจุบันมีตำแหน่งถึงรองอธิบดีกรมปศุสัตว์ ตนจึงนำเอกสารหลักฐานที่มีมามอบให้กับตำรวจ บก.ปปป. ตรวจสอบและเอาผิดกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด
นายอัจฉริยะ ยังกล่าวถึงกรณีคลิปเสียงนักกิจกรรม อักษรย่อ “ท.” เรียกรับเงิน 10 ล้านบาท จากบุคลากรระดับสูงของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์นั้น นายอัจฉริยะ กล่าวว่า บุคคลเหล่านี้ต้องเข้าไปชี้แจงกับพนักงานสอบสวน DSI ด้วยว่า สรุปแล้วใครเป็นคนเรียกเงินจากใครกันแน่