มติคณะรัฐมนตรี(ครม.) ล่าสุด เมื่อวันอังคารที่ 20 ก.พ. 2567 มีวาระที่น่าสนใจเกี่ยวข้องกับการทำงานของข้าราชการ เป็นการยกเลิก การปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง หรือ Work From Home
โดยวาระนี้เสนอโดย “สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.)” เกี่ยวกับการบริหารราชการหรือข้าราชการ ตามมาตรา 13 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548 หนึ่งในนั้นคือ คือการเสนอ “ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี” เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2563
ซึ่งเป็นเรื่อง รายงานผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง (Work From Home) และการเหลื่อมเวลาในการทำงานในสถานที่ตั้งของส่วนราชการ รายสัปดาห์ ครั้งที่ 4
สาระสำคัญของเรื่องนี้ คือ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้ตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีและคำสั่งนายกรัฐมนตรีของรัฐบาลชุดเดิม ที่เกี่ยวกับการบริหารราชการหรือข้าราชการ
โดยมีแนวทางในการพิจารณา คือ มติของคณะรัฐมนตรีหรือคำสั่งของนายกรัฐมนตรีที่เป็นหลักการ หรือกฎเกณฑ์ที่ใช้บังคับเป็นการทั่วไปไม่เฉพาะเจาะจง และหน่วยงานของรัฐต้องถือปฏิบัติ ซึ่งมีผลใช้บังคับต่อเนื่องจนกว่าจะมีมติคณะรัฐมนตรีหรือคำสั่งใหม่มายกเลิกหรือเพิกถอน พบว่า ไม่ปรากฏว่ามีคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่มีลักษณะดังกล่าว
สลค.พบว่า มีมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวกับการบริหารราชการหรือข้าราชการ จำนวน 30 มติ ประกอบด้วย
สลค. ขอให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องพิจารณาแสนอความเห็นในส่วนที่เกี่ยวข้อง จำนวน 10 หน่วยงาน ได้แก่ กระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง และสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
มีส่วนราชการได้เสนอขอปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรี จำนวน 1 มติ และยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี จำนวน 2 มติ ดังนี้
ฐานเศรษฐกิจ ตรวจสอบจาก สำนักงาน ก.พ. พบ “แนวทางการปฏิบัติราชการที่รองรับชีวิตและการทำงานวิถีใหม” ซึ่งระบุในตอนว่า สำนักงาน ก.พ. ได้จัดทำ “แนวทางการปฏิบัติราชการ ที่รองรับชีวิตและการทำงานวิถีใหม่” ขึ้น
เป็นแนวทางที่ทำให้ระบบราชการ มีแนวทางการปฏิบัติราชการที่ผสมผสาน (Hybrid) ทั้งการปฏิบัติงานที่ส่วนราชการและ การปฏิบัติงานที่บ้านหรือนอกสถานที่ตั้ง เพื่อให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐมีแนวทาง การปฏิบัติราชการรูปแบบใหม่ที่ยืดหยุ่น
สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในมิติต่าง ๆ ทั้งในเชิงเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยีได้อย่างทันการณ์ และให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในอนาคต ที่ยากต่อการคาดการณ์
โดยมีเป้าหมายสำคัญ คือ จะต้องไม่กระทบต่อการปฏิบัติงานของภาครัฐและ การให้บริการประชาชน ตลอดจนส่งเสริมให้ผู้ปฏิบัติงานในภาครัฐมีความสามารถในการปรับตัวและ ปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพภายใต้สถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป
โดยแนวทางที่สำนักงาน ก.พ. ได้จัดทำขึ้นนี้ จะเป็นเครื่องมือช่วยให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐนำไปปรับใช้ได้กับทั้ง สถานการณ์ในภาวะปรกติ และสถานการณ์ในภาวะไม่ปรกติ อาทิ การแพร่ระบาดของโรคภัยไข้เจ็บ ภัยพิบัติทางธรรมชาติ หรือเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ของรัฐไม่อาจปฏิบัติงานในหน่วยงานได้ตามปรกติ
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ของรัฐพึงจะต้องปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีในการทำงานวิถีใหม่ โดยมีหน้าที่รักษาภาพลักษณ์ที่ดีของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีความเสียสละและมีอุดมการณ์ ตลอดจนมุ่งสร้าง ความเชื่อมั่นที่ประชาชนมีต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่ว่าจะปฏิบัติงานในสถานที่ตั้งหรือนอกสถานที่ตั้งก็ตาม
อ่านรายละเอียด : แนวทางการปฏิบัติราชการที่รองรับชีวิตและการทำงานวิถีใหม่