ส.โชห่วยยาสูบ ชี้บุหรี่เถื่อนลามหนัก ตั้งร้านขายเย้ยกฎหมาย

30 ก.ย. 2565 | 12:49 น.
อัปเดตล่าสุด :30 ก.ย. 2565 | 19:56 น.

สมาคมโชห่วยยาสูบ หนุน สรรพสามิต หลังอธิบดี “เอกนิติ” ประกาศปราบบุหรี่เถื่อน ชี้ลามหนักถึงนครศรีธรรมราช พบตั้งร้านขายเปิดเผย เย้ยกฎหมาย ขณะที่ศูนย์กลางบุหรี่เถื่อน สงขลา สตูล พัทลุง นราธิวาส ถูก ตร.เข้าจับกุมบ่อย แต่มักไม่ได้ตัวผู้ต้องหา แนะแก้กฎหมายเพิ่มโทษหนัก

นางสาวธัญญศรัณ แสงทอง ผู้อำนวยการบริหาร สมาคมการค้ายาสูบไทย เปิดเผยว่า สมาคมฯ ได้รับทราบจากสมาชิกว่า ขณะนี้ความรุนแรงของบุหรี่เถื่อนเริ่มขยายตัวไปยังจังหวัดภาคใต้ตอนบน เช่น นครศรีธรรมราช โดยมีร้านค้าบุหรี่เถื่อนแบบสแตนด์อะโลน (stand alone) คือ เปิดหน้าร้านขายบุหรี่หนีภาษีอย่างเดียวเพิ่มขึ้นทวีคูณ และร้านค้าบุหรี่เถื่อนเหล่านี้ยังทำไดเร็คเซลแบบเย้ยกฎหมาย เช่นจัดโปรโมชั่นลดราคา แจกโบรชัวร์แนะนำสินค้า และส่งพนักงานเซลล์มาเสนอบุหรี่เถื่อนให้โชห่วยรับไว้ขาย

จึงวอนให้เจ้าหน้าที่ระดมกวาดล้างและจับกุมบุหรี่เถื่อนอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ต้นทาง คือ เครือข่ายลักลอบนำเข้าตามแนวตะเข็บชายแดน  และทางทะเลจากประเทศเพื่อนบ้านไปจนถึงปลายทาง รวมทั้งบุหรี่ปลอมแสตมป์ยาสูบของสรรพสามิตที่ทะลักเข้ามาทางภาคตะวันออกจากประเทศเพื่อนบ้านด้านตะวันออก

รวมทั้งตรวจสอบจับกุมพวกร้านค้าที่เปิดหน้าร้านขายอย่างผิดกฎหมาย เช่นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และ ร้านค้าออนไลน์ต่างๆ ซึ่งร้านพวกนี้กระทำผิดซ้ำซาก โดนจับแล้วก็ยังกลับมาเปิดขายได้อีก

 

ซึ่งจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขกฎหมายผลิตภัณฑ์ยาสูบหรือกฎระเบียบ แนวทางการปฏิบัติต่างๆ เพื่อให้เจ้าหน้าที่หน่วยงานภาครัฐจับกุมหรือปราบปรามให้เข้มงวด ร้านค้าผิดกฎหมายเหล่านี้จะได้เกรงกลัวต่อกฎหมายมากขึ้น

 

“บุหรี่เถื่อนไม่ได้สร้างปัญหาแค่รายได้ภาษีของรัฐที่หายไป แต่ร้านค้าที่ขายบุหรี่อย่างถูกกฎหมายก็ได้รับผลกระทบด้วย ที่ผ่านมาสมาชิกของสมาคมฯ บางรายแทบจะขายสินค้าไม่ได้ กำไรก็น้อยลง แถมต้นทุนยังจมเพราะขายบุหรี่สู้กับบุหรี่เถื่อนซึ่งราคาถูกกว่าถึง 2-3 เท่าไม่ไหว โดยเฉพาะร้านค้าในจังหวัดสงขลา สตูล พัทลุง ที่เป็นศูนย์กลางของบุหรี่เถื่อน ยังไม่รวมสามจังหวัดชายแดนภาคใต้โดยเฉพาะที่ตากใบ นราธิวาสที่จับรายใหญ่ได้บ่อยครั้งแต่ไม่ค่อยได้ผู้ต้องหา”  

 

อยางไรก็ตาม หลังสมาคมฯ ทราบข่าว ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต ประกาศเป้าหมายการทำงานของกรมฯ ในปีงบประมาณ 2566 โดยจะให้ความสำคัญกับปราบปรามกระบวนการลักลอบเลี่ยงภาษี สมาคมฯ รู้สึกยินดีและขอบคุณเจ้าหน้าที่สรรพสามิต

 

ที่ร่วมกับศุลกากร และตำรวจสอบสวนกลาง ในการบุกทลายโกดังเก็บบุหรี่เถื่อน ซึ่งล่าสุด ที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส จนสามารถยึดบุหรี่เถื่อนกว่า 3.5 แสนซอง ซึ่งบุหรี่เถื่อนเหล่านี้หากหลุดมาขายในตลาดได้ ก็เท่ากับรัฐบาลต้องสูญเสียรายได้ภาษีไปกว่า 22 ล้านบาท

 

อย่างไรก็ตาม จากสถิติการปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายสรรพสามิตทั่วประเทศ พบว่าปัญหาบุหรี่เถื่อนมีความรุนแรงมากขึ้น การจับกุมคดียาสูบในปีงบประมาณ 2565 (ตุลาคม 2564 – สิงหาคม 2565) มี้ทั้งสิ้น 8,534 คดี จำนวน 3.3 ล้านซอง

 

คิดเป็นค่าปรับ 230.48 ล้านบาท ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีงบประมาณ 2564 จำนวนคดีการจับกุมเพิ่มขึ้นกว่า 32% และจำนวนซองที่จับกุมได้มีมากขึ้นถึง 460%