เพจเฟสบุ๊ก "สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดปทุมธานี" เผยแพร่ข้อความ ยืนยันน้ำไม่เข้าเทศบาลนครรังสิต โดยระบุว่า
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ยืนยัน เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ปรับเพิ่มอัตราการระบายน้ำเป็นอัตรา 900 ลบ.ม./วินาที
พร้อมย้ำ เทศบาลนครรังสิต ไม่ได้รับผลกระทบแน่นอน
นายฐนโรจน์ วรรัฐประเสริฐ ผู้เชี่ยวชาญด้านวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ ในฐานะรองโฆษก สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ยืนยันว่า ศูนย์บริหารสถานการณ์น้ำส่วนหน้าอุทกภัยภาคกลาง โดยกรมชลประทาน ได้รายงานสถานการณ์ของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้ำสูงขึ้น จึงปรับเพิ่มการระบายน้ำ จากอัตรา 830 ลบ.ม./วินาที เป็นอัตรา 900 ลบ.ม./วินาที
โดยได้ประกาศเเจ้งเตือนไปผู้ว่าราชการจังหวัด ที่จะได้รับผลกระทบตั้งแต่ท้ายเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ถึง เขื่อนพระรามหก
พร้อมชี้แจงว่า น้ำที่ไหลจากท้ายเขื่อนเจ้าพระยา จะไหลผ่านเขื่อนพระรามหก โดยจะใช้ประตูระบายน้ำพระนารายณ์ และ คลองระพีพัฒน์ ตัดยอดน้ำ
พร้อมยืนยันด้วยว่า การปรับการระบายน้ำของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ผ่านคลองระพีพัฒน์ ที่มีศักยภาพรับน้ำได้กว่า 150 ลบ.ม/วินาที จะไหลลงคลอง 13 และลงคลองรังสิต ตามลำดับ
ซึ่งกรมชลประทาน มีประตูกลางคลองทำการปิดประตูไว้ ทำให้ปริมาณน้ำดังกล่าว ไม่ไหลเข้าไปในพื้นที่เทศบาลนครรังสิตแน่นอน
ด้านศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) กรมชลประทาน ชี้แจงกรณีที่มีการแชร์แจ้งเตือนว่า กรมชลประทาน จะผันน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และจะเข้าสู่พื้นที่เทศบาลนครรังสิต ในไม่ช้านี้ นั้น เป็นความเข้าใจผิดและไม่เป็นความจริง
การปรับเพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ในครั้งนี้ จะมีการรับน้ำเข้าคลองระพีพัฒน์ตามศักยภาพของคลองที่รับได้
พร้อมกับระบายออกไปทางระบบชลประทานและคลองต่างๆ
ปริมาณน้ำตามที่กล่าวอ้าง จึงไม่ได้ผ่านเข้าสู่พื้นที่เทศบาลนครรังสิตแต่อย่างใด จึงแจ้งมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน