นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า จากระบบข้อมูลการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดของประเทศ (บสต.) ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กระทรวงสาธารณสุข มีผู้เข้ารับการบำบัดในโรงพยาบาลโดยปี 2652 จำนวน 263,834 ราย ปี 2563 จำนวน 222,627 ราย และปี 2564 จำนวน 179,619 ราย
มีแนวโน้มลดลงตามลำดับ ส่วนใหญ่เป็นการบำบัดผู้เสพยาบ้า มากกว่า 75% ในทุกปี และยังมีผู้เสพยาเสพติดอีกส่วนหนึ่งอยู่ในการดูแลของกรมควบคุมประพฤติ
การดำเนินงานบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด เป็นไปตามนโยบายสำคัญและเร่งด่วนของรัฐบาล ที่ให้ทุกภาคส่วนเร่งขับเคลื่อนการแก้ปัญหายาเสพติดด้วยการบำบัดรักษา เปลี่ยนทัศนคติของสังคม สร้างแนวคิดที่ว่า “ผู้เสพคือผู้ป่วยที่ควรเข้าถึงการบำบัด”
กระทรวงสาธารณสุขมีความพร้อมในการรองรับการบำบัดรักษา มีการบูรณาการความร่วมมือทุกภาคส่วน มีการดูแลช่วยเหลืออย่างรอบด้านและต่อเนื่อง และมีระบบการส่งต่ออย่างไร้รอยต่อ ใช้กลไกบำบัดรักษาแบบสมัครใจเป็นหลักในการบริหารจัดการและแก้ปัญหายาเสพติด
โดยขยายการบริการบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ ในรูปแบบการจัดตั้งคลินิก และหอผู้ป่วยในจิตเวชและยาเสพติดในโรงพยาบาลสังกัดกรมสุขภาพจิต กรมการแพทย์ และโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไปทุกแห่ง รวมถึงโรงพยาบาลชุมชนที่มีความพร้อม เพื่อให้ผู้ติดยาเสพติด ได้เข้าถึงการบริการอย่างทั่วถึง และเมื่อรับการรักษาแล้ว มีระบบกลไกติดตามเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยกลับไปเสพซ้ำ
นอกจากนี้ ยังมีการอบรมเจ้าหน้าที่ในทุกระดับให้ความรู้เรื่องการบำบัดรักษาเสพติด และมีอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ดูแลติดตาม รวมทั้งมีการให้ชุมชนมีส่วนช่วยในการดูแลอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถขอคำปรึกษาและรับการบำบัดรักษาได้ที่สถานพยาบาลของรัฐทุกแห่ง ทั้งในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ดังต่อไปนี้
ทั้งนี้ กรมการแพทย์ โดยสถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี (สบยช.) และโรงพยาบาลธัญญารักษ์ภูมิภาค เป็นหน่วยงานที่รักษา บำบัด ฟื้นฟู และถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแก่ทุกภาคส่วน และมีการให้คำปรึกษาผ่านช่องทางต่าง ๆ รวมทั้งระบบ Tele Conference แก่หน่วยงานต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานการรักษา สำหรับกรณีที่มีความยุ่งยากซับซ้อนในรักษาจะมีระบบส่งต่อไปยัง สบยช.และโรงพยาบาลธัญญารักษ์ภูมิภาค รวมถึงสถานพยาบาลที่มีศักยภาพมากกว่าทันที อย่างไรก็ตามขอความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงครอบครัวและชุมชน ให้มีการนำส่งผู้เสพยาเสพติด ให้เข้าสู่ระบบการรักษาโดยเร็วที่สุด เพื่อป้องการเกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมา
กระบวนการบำบัดรักษาแบบหลัก ๆ มี 2 รูปแบบ คือ แบบผู้ป่วยนอก รักษาในรูปแบบกาย จิต สังคมบำบัดแบบไป-กลับ และแบบผู้ป่วยใน เน้นกระบวนการบำบัดให้ผู้ป่วยสามารถฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายและจิตใจให้เข้มแข็ง มีครอบครัวเป็นหลักสำคัญ ซึ่งในปัจจุบัน ยังเพิ่มการรักษาแบบ Hospital care @ Home เข้ามาโดยใช้บ้านเป็นเสมือนหอผู้ป่วย ผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ ติดต่อสื่อสารผ่านทาง DMS Telemed และ Application ห่วงใย ผู้ป่วยต้องไม่มีอาการทางยาเสพติดและไม่มีโรคแทรกซ้อนทางกายและจิตเวชที่รุนแรง ทางครอบครัวหรือญาติมีความพร้อมในการดูแล สามารถใช้ Smart phone, Computer หรือ Tablet ได้
ซึ่งจะได้รับการดูแลจากแพทย์และทีมสหวิชาชีพ ให้การบำบัดรักษาอาการขาดยา รวมถึงภาวะแทรกซ้อนทางกาย ทางจิต โดยการให้ยาจนอาการดีขึ้นและให้การฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกาย จิตใจ ซึ่งตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560-2564 ทางสบยช.มีผู้มาเข้ารับบริการบำบัดรักษายาเสพติด 26,755 ราย ส่วนใหญ่ใช้ยาเสพติดกลุ่มสารกระตุ้นประสาท ซึ่งมีก่อให้เกิดโรคทางจิตประสาทและพฤติกรรมเสี่ยงก่อความรุนแรง สอดคล้องกับเหตุการณ์ความรุนแรงที่มีการเสนอข่าวสารในปัจจุบัน
ทั้งนี้หากประสบปัญหาเกี่ยวกับยาและสารเสพติดสามารถขอรับคำปรึกษาเรื่องยาและสารเสพติดได้ที่ สายด่วนบำบัดยาเสพติด 1165 และสายด่วนเลิกยาเสพติด ผ่านศูนย์ดำรงธรรม 1567 ตลอด 24 ชั่วโมงหรือผ่านช่องทาง Line Official ‘ห่วงใย’ เพื่อประเมินตัวเองเกี่ยวกับการติดสารเสพติดและการให้คำปรึกษา และสามารถเข้าบำบัดรักษายาเสพติดได้ที่ สถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี (สบยช.) โรงพยาบาลธัญารักษ์ส่วนภูมิภาคทั่วประเทศหรือโรงพยาบาลใกล้บ้าน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.pmnidat.go.th