ศิลปากร เปิดเผยว่า กรมศิลปากร ได้สำรวจโบราณสถานทั่วประเทศที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยต่อสถานการณ์ปริมาณน้ำฝนมาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยรายงานสรุปสถานการณ์ ณ วันที่ 7 ต.ค.2565 ว่ามีโบราณสถาน จำนวน 82 แห่ง อยู่ในพื้นที่เสี่ยง แบ่งได้เป็น 3 ประเภท
เสี่ยงมาก จำนวน 8 แห่ง เป็นโบราณสถานมีน้ำท่วมขังในระดับสูงและมีแนวโน้มว่าจะท่วมเป็นเวลานาน แต่โบราณสถานเหล่านี้ได้รับการบูรณะเสริมความมั่นคงโดยกรมศิลปากรแล้ว เช่น เมืองประวัติศาสตร์เวียงกุมกาม จ.เชียงใหม่ และปราสาทตามอญ จ.สุรินทร์ รวมทั้งมีพื้นที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษและต่อเนื่อง คือ นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ซึ่งระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยายังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เสี่ยงปานกลาง จำนวน 37 แห่ง เป็นโบราณสถานเริ่มมีน้ำท่วมขังแต่ยังอยู่ในระดับต่ำและยังไม่มีแนวโน้มจะท่วมมากขึ้น อีกทั้งเป็นโบราณสถานที่ได้รับการบูรณะเสริมความมั่นคงแล้ว เช่น ปราสาท (อิฐ) บ้านไผ่ จ.สระแก้ว กู่โพนระฆัง จ.ร้อยเอ็ด และกู่ประภาชัย จ.ขอนแก่น รวมทั้งโบราณสถานในอุทยานประวัติศาสตร์พิมาย ซึ่งมีน้ำฝนและน้ำใต้ดินมาจากแม่น้ำมูลที่กำลังเฝ้าระวังเช่นกัน
เสี่ยงน้อย จำนวน 37 แห่ง เป็นโบราณสถานที่มีน้ำท่วมขังเฉพาะตอนฝนตกและสามารถระบายออกได้อย่างรวดเร็ว เช่น วัดใหญ่สุวรรณาราม จ.เพชรบุรี วัดโขลงสุวรรณคีรี (คูบัว) จ.ราชบุรี ปราสาทกังแอน จ.สุรินทร์ กู่แก้วสี่ทิศ จ.ศรีสะเกษ ปรางค์กู่ จ.ร้อยเอ็ด รวมทั้งโบราณสถานในอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย โบราณสถานในเวียงท่ากาน จ.เชียงใหม่ และโบราณสถานในเมืองโบราณเชียงแสน จ.เชียงราย
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสถานการณ์ปริมาณน้ำฝนมากและน้ำล้นตลิ่ง ซึ่งเป็นปัญหาอุทกภัย กรมศิลปากรจึงสั่งการให้หน่วยงานในสังกัดปฏิบัติการเฝ้าระวังโบราณสถานอย่างต่อเนื่อง ส่วนโบราณสถานที่อยู่ในการดูแลของวัด/เอกชน ได้ทำการประสานเครือข่ายภาคประชาชนของกรมศิลปากร ร่วมกันเฝ้าระวังและจะรายงานสถานการณ์ให้ทราบเป็นระยะต่อไป