กรมอุตุฯประกาศฉบับ 1 จับตา "พายุเนสาท" ส่อทวีกำลังเป็นไต้ฝุ่น ภาคใต้อ่วม

16 ต.ค. 2565 | 11:56 น.
อัปเดตล่าสุด :16 ต.ค. 2565 | 19:06 น.

กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศฉบับที่ 1 จับตา "พายุเนสาท" มีแนวโน้มทวีกำลังเป็นพายุไต้ฝุ่น คาดจะขึ้นฝั่งเวียดนาม 19-20 ต.ค.นี้ ภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมาก

ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา "พายุเนสาท" ฉบับที่ 1 ลงวันที่ 16 ตุลาคม 2565 ระบุว่า
เมื่อเวลา 16.00 น. วันนี้ (16 ต.ค. 65) พายุโซนร้อนกำลังแรง “เนสาท” มีศูนย์กลางอยู่บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน หรือที่ละติจูด 19.7 องศาเหนือ ลองจิจูด 119.9 องศาตะวันออก ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกด้วยความเร็วประมาณ 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 

 

พายุนี้มีแนวโน้มจะทวีกำลังขึ้นเป็นพายุไต้ฝุ่นในระยะต่อไป โดยเคลื่อนผ่านตอนใต้ของเกาะไหหลำ ประเทศจีน และเคลื่อนเข้าใกล้ชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนบนในช่วงวันที่ 19-20 ต.ค. 65 นี้

 

กรมอุตุฯประกาศฉบับ 1 จับตา \"พายุเนสาท\" ส่อทวีกำลังเป็นไต้ฝุ่น ภาคใต้อ่วม

 

ในขณะที่บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนยังคงปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ลักษณะเช่นนี้จะทำให้พายุอ่อนกำลังลงตามลำดับอย่างรวดเร็ว

 

อนึ่งในช่วงวันที่ 17-21 ตุลาคม 2565 ลมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมาก สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น

 

โดยทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนล่าง ห่างฝั่งมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร 

 

กรมอุตุฯประกาศฉบับ 1 จับตา \"พายุเนสาท\" ส่อทวีกำลังเป็นไต้ฝุ่น ภาคใต้อ่วม


ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากไว้ด้วย สำหรับชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันตกให้ระวังอันตรายจากคลื่นลมแรงที่ซัดเข้าหาฝั่ง ชาวเรือระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณฝนฟ้าคะนอง เรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 17-21 ตุลาคม 2565


จึงขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา และสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา คลิ๊กที่นี่ หรือสายด่วนพยากรณ์อากาศ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง