เมื่อวันที่ 1-2 ธันวาคม 2565 ที่สถาบันผู้นำ เครือเจริญโภคภัณฑ์ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา การประชุมสุดยอดผู้นำด้านการศึกษา จากภาครัฐและเอกชนทั่วโลก “Forum for World Education 2022” โดยสภาเพื่อการศึกษาระดับโลก (FWE) ร่วมกับ เครือเจริญโภคภัณฑ์ จัดขึ้น ภายใต้หัวข้อ “เศรษฐกิจเปลี่ยน การศึกษาปรับ รับแนวโน้มอนาคต"
ผู้นำรุ่นใหม่จากหลายประเทศ ได้ร่วมกันนำเสนอมุมมองด้านการศึกษาของตนเอง ซึ่งจะเป็นคนรุ่นต่อไปของสังคมโลกในอนาคต (Perspectives of the next generation) บนเวทีนี้อย่างคึกคัก
นายกรวัฒน์ เจียรวนนท์ ซีอีโอ บริษัท เอมิตี (Amity) โซเชียล คลาวด์ คอมพานี ผู้นำรุ่นใหม่จากประเทศไทย กล่าวว่า การเรียนรู้ในยุคปัจจุบันนี้ โดยเฉพาะในโลกออนไลน์ สามารถเกิดขึ้นได้อย่างไม่มีขีดจำกัด แต่ในโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย แม้จะมีความรู้ทั้งเรื่องของวิทยาศาสตร์ การพัฒนา software หรือ hardware แต่ก็มีอยู่เพียงแค่ในตำรา ซึ่งไม่เท่าทันกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในภาคธุรกิจอย่างรวดเร็ว
สิ่งที่สำคัญที่สุดที่อยู่นอกเหนือจากตำรา อย่างเช่น นวัตกรรมต่าง ๆ เราพบว่าความรู้และทักษะจะได้มาจากการปฏิบัติ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมด้านดิจิทัล ที่มีการเติบโตและพัฒนาอย่างรวดเร็ว ตรงนี้เป็นช่องว่างที่ความรู้ในโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยไม่ครอบคลุม57'
ดังนั้น ถ้าสถาบันการศึกษาต่าง ๆ นำบริษัทที่เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาเชื่อม หรือนำผู้เรียนให้เข้ามามีประสบการณ์กับสิ่งเหล่านี้มากขึ้นจะมีประโยชน์มาก ซึ่งปัจจุบันยังไม่พบว่ามีการเติมเต็มช่องว่างเหล่านี้ในระบบการศึกษา
“ผมได้เรียนรู้เรื่องของ Software เขียน Code และการใช้โปรแกรมต่าง ๆ ตั้งแต่เรียนระดับชั้นประถมศึกษา พออายุ 10 ปีก็สามารถทำเว็บไซต์ได้แล้ว ซึ่งการเรียนรู้ต่าง ๆ เหล่านี้ เป็นแรงบันดาลใจที่สำคัญในการค้นพบความถนัดของตนเอง” นายกรวัฒน์ กล่าว
ขณะที่ มร.รูเบ็น จายาซิงค์ (Mr.Reuben Jayasinghe) หัวหน้าฝ่ายนวัตกรรมดิจิทัล-อาเซียน แอมะซอน เว็บ เซอร์วิส (Amazon Web Services - AWS) กล่าวว่า ตอนนี้โลกของเราเต็มไปด้วยเทคโนโลยี เด็ก ๆ ของเราต้องพบและใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ มากมาย จนข้อมูลต่าง ๆ ล้นไปหมด ดังนั้น ทักษะที่สำคัญคือการคิดวิเคราะห์และประเมิน ว่าคำตอบไหนเป็นคำตอบที่น่าเชื่อถือและเป็นข้อเท็จจริง สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เด็ก ๆ ควรจะได้รับการปลูกฝังจากระบบการศึกษาในปัจจุบัน
“ต่อจากนี้จะต้องมีการออกแบบการศึกษา ให้เหมาะสมกับเด็กแต่ละคนมากขึ้น เพื่อให้เด็กแต่ละคนได้รับการส่งเสริมสนับสนุนที่เหมาะสม การเรียนรู้จะต้องส่งเสริมให้เกิดการตั้งถามคำถามให้มากขึ้น ส่งเสริมให้เกิดความอยากรู้อยากเห็น การเรียนรู้ต้องพร้อมที่จะให้เด็กได้ลองเสี่ยงในสิ่งใหม่ ๆ ให้เขาได้ลองผิด ลองถูก ซึ่งจะทำให้เขาค้นพบเส้นทางใหม่ ๆ ในการแก้ปัญหา เรื่องเหล่านี้เป็นสิ่งที่เราควรจะส่งเสริม จะทำให้เขาเติบโตและพร้อมที่จะเป็นเถ้าแก่หรือเจ้าของธุรกิจในอนาคตได้มากขึ้น” มร.รูเบ็น จายาซิงค์ กล่าว
ด้าน มร. โทนี่ เกา (Mr.Tony Gao) ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Easy Transfer แพลตฟอร์มบริการชำระเงินค่าเล่าเรียนออนไลน์ชั้นนำสำหรับนักศึกษาต่างชาติ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการสตาร์ทอัพที่อายุน้อยที่สุดในโลก กล่าวว่า “สิ่งที่สำคัญที่สุดในการศึกษาสำหรับยุคใหม่ก็คือ ทำอย่างไรให้คนรุ่นใหม่ได้ลองเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ให้มากที่สุด เรียนรู้ด้วยตัวเองว่า สนใจอะไร ชอบอะไร ถนัดเรื่องอะไร ตามหาสิ่งที่ตัวเองรักและชอบให้เร็วมากที่สุด แล้วก็มุ่งเรียนรู้ไปตามสิ่งนั้น โดยเฉพาะทัศนคติในการเรียนรู้ เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เราสามารถจัดการกับปัญหาต่าง ๆ ที่จะเข้ามาได้เป็นอย่างดี
ดร.ธาริต นิมมานวุฒิพงษ์ จาก True Digital Park มีมุมมองว่า ในสมัยเรียน ทุกครั้งที่มีการออกไปทัศนศึกษานอกสถานที่ จะรู้สึกมีความสุขมาก ที่ได้เปิดโลกทัศน์และรับรู้เรื่องอะไรใหม่ ๆ ดังนั้นจึงเห็นว่าทุกโรงเรียนควรต้องเพิ่มจัดกิจกรรมทัศนศึกษา เพื่อเพิ่มแรงบันดาลใจให้กับเด็ก ๆ
“เรื่องของระบบการศึกษา เราควรสร้างโอกาสและความเท่าเทียมทางการศึกษาให้มากที่สุด โดยกระจายความเท่าเทียมออกไปให้ทั่วถึงในชนบท และสิ่งสำคัญก็คือ การเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้ค้นหาความชอบ ลองผิดลองถูก เพื่อหาสิ่งที่เหมาะสมที่สุดสำหรับตนเอง”ดร.ธาริต กล่าว