"บิ๊กเด่น"เตรียมส่งฟ้อง “ตู้ห่าว” 20 ม.ค.นี้

จากกรณีที่ตำรวจ จากกองบัญชาการตำรวจนครบาล บุกตรวจค้น "จินหลิงผับ" จับนักเที่ยวจีนจำนวนมาก ขณะมั่วสุมเสพยา และ มีการขยายผลจับกุม  "ตู้ห่าว" "นายทุนจีนสีเทา" ซึ่งเป็นที่จับตามอง ของคนไทยทั้งประเทศ ขณะเดียวกันก็เกิด ดร่ามาขึ้นมากมาย เนื่องจากว่าหลายคน กังวลว่า จะมีการช่วยเหลือกัน และ มีคนสงสัยว่า ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยังทำหน้าที่ เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน 

 ล่าสุดวันนี้ (4 มกราคม 2565) เวลาประมาณ 16.00 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ยืนยันกับสื่อมวลชนว่า ตนเองได้กำกับดูแล การสอบสวน อย่างใกล้ชิดมาตลอด โดยร่วมกับพนักงานอัยการ  เพื่อให้ขับเคลื่อนอย่างรวดเร็ว และ รวบรวมพยานหลักฐาน ให้ชัดเจนที่สุด ซึ่งขณะนี้ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ไม่ได้เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน แต่เป็นผู้กำกับสั่งงาน ขณะเข้าไปตรวจค้นผับจินหลิงเท่านั้น ซึ่งหลายคนอาจจะ เกิดความเข้าใจคาดเคลื่อน

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ยังบอกอีกว่า อัยการสูงสุด ได้มอบหมายให้ตนเอง เป็นพนักงานสอบสวน รับผิดชอบและมีหน้าที่ลงนาม ทำความเห็นทางคดี ในสำนวนการสอบสวน ตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา โดยมี พนักงานสอบสวนที่เป็นตำรวจ 42 ท่าน ทำการสอบสวนร่วมกัน ซึ่งอยู่ในสังกัด บช.น. , บช.ก. , บช.ปส. และ บช.สอท. รวมถึงมี พนักงานอัยการที่ อสส.มอบหมาย 12  ท่าน รวม 54 ท่าน

 สำหรับคดีนี้ ตำรวจจับกุมผู้ต้องหา แล้ว จำนวน 19 ราย  เหลืออีก 18 ราย อยู่ระหว่างติดตามผู้ต้องหาที่เหลือ โดยตั้งแต่วันที่ 26 ต.ค.65 เป็นต้นมา ดำเนินคดีเรื่องนี้ทั้งหมด 114 ราย (รวมคดีเสพ) โดยจะสรุปสำนวน เสนออัยการสูงสุด คาดว่าภายใน 2 สัปดาห์ นับจากนี้ และ อัยการสูงสุด จะพิจารณาฟ้องคดี ต่อศาลภายใน 20 มกราคมนี้

 ส่วนการสอบพยานในคดีนี้ มีการสอบไปแล้ว 400 ปาก  และ ตำรวจยื่นคำร้อง ขอออกหมายจับ จากศาลอาญากรุงเทพใต้ รวมแล้ว จำนวน 37 ราย มีทั้งข้อหาดังนี้

 ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1

-  จำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 และ 4

- สมคบยาเสพติดฯ

- ข้อหาฟอกเงิน

ส่วนกรณีที่ นายชูวิทย์ มีการนำข้อมูลต่างๆ ออกมาแถลงกับสื่อมวลชน และมีการกล่าวถึง การปฏิบัติหน้าที่ของ ผู้บัญชาการตำรวจตำรวจนครบาล นั้น  ผบ.ตร.ได้สั่งให้จเรตำรวจแห่งชาติ ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าว ตามคำสั่งที่ 2/2566 ลงวันที่ 3 มกราคม 2566 เพื่อพิจารณาว่า การดำเนินการสืบสวนสอบสวนที่ผ่านมา มีส่วนใดบกพร่อง และทำให้คดีเสียหายหรือไม่ โดยให้ตรวจสอบ ให้เสร็จภายใน 15 วัน เพื่อความยุติธรรม โปร่งใส  ผบ.ตร.ได้เชิญพนักงานอัยการ เข้าร่วม เป็นที่ปรึกษา และให้ข้อมูล ประกอบการตรวจสอบข้อเท็จจริง ในครั้งนี้ด้วย