นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบพิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงการก่อสร้าง โครงการปรับปรุงป้ายชื่อสถานีกลางบางซื่อและตราสัญลักษณ์ของการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) เป็นสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ว่าปัจจุบันคณะกรรมการตรวจสอบฯ ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างรอบคอบและรอบด้าน ทั้งในประเด็นเรื่องของความเหมาะสม ,ของขอบเขตงานและราคากลาง รวมถึงความถูกต้องของกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีเฉพาะเจาะจงเป็นระยะเวลา 15 วัน
ขณะนี้คณะกรรมการฯได้รายงานผลตรวจสอบการเปลี่ยนป้ายชื่อสถานีกลางบางซื่อเป็นสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ต่อนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมรับทราบแล้ว หลังจากนี้จะดำเนินการส่งหนังสือข้อเสนอแนะเพิ่มเติมของคณะกรรมการฯให้รฟท.พิจารณาภายใน 1-2 วัน และจะต้องเสนอกลับมาที่กระทรวงรับทราบต่อไป
สำหรับผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงโครงการเปลี่ยนป้ายชื่อสถานีกลางบางซื่อเป็นสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ในการกำหนดขอบเขตงานโดยอ้างอิงจากการดำเนินงานเดิมที่ผ่านมาและการกำหนดราคากลางของคณะกรรมการจัดทำร่างขอบเขตงานและกำหนดราคากลาง ในส่วนของค่าวัสดุ และค่าแรง ซึ่งมีที่มาจากการสืบราคาของที่ปรึกษา CSC พบว่า
การกำหนดขอบเขตงานของโครงการนนั้น รฟท. ได้อ้างอิงแบบโครงสร้างรายละเอียด เทคนิควิธีการ และวัสดุจากงานที่กำหนดไว้เดิม ซึ่งไม่พบการดำเนินการที่เชื่อได้ว่า รฟท. ดำเนินการ นอกเหนือจากขอบเขตงานแต่อย่างใด เนื่องจากเป็นไปตามรายละเอียดของงานติดตั้งป้ายเดิม
ทั้งนี้รฟท.มีการตรวจสอบและรับรองทางวิศวกรรม รวมทั้งมีการติดตั้งไปแล้ว พบว่า การดำเนินการดังกล่าวมีความปลอดภัยและแข็งแรงตามมาตรฐาน ดังนั้นการกำหนดขอบเขตการดำเนินการ และการกำหนดราคากลางของ รฟท. ของการดำเนินโครงการครั้งนี้ เป็นไปตามมาตรฐานทางวิชาชีพที่สามารถตรวจสอบได้
นายสรพงศ์ กล่าวต่อว่า คณะกรรมการฯ มีข้อเสนอแนะเพิ่มเติมให้ รฟท.ทบทวนดำเนินการมีประสิทธิภาพ เพื่อไม่ให้เกิดค่าเผื่อเหลือเผื่อขาด ราว 1.6 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยประหยัดงบประมาณของ รฟท. ให้ได้มากที่สุด
1. ให้รฟท. ทบทวนรายละเอียดทั้งในส่วนของวัสดุ เทคนิค ที่อาจมีการเปลี่ยนแปลงจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่ทำให้การออกแบบ เลือกใช้วัสดุ และวิธีการจัดทำ และติดตั้งป้ายชื่อสถานีกลางบางซื่อในครั้งนี้มีประสิทธิภาพสูงกว่า หรือมีต้นทุนที่ต่ำกว่าการจัดทำ เทียบกับติดตั้งป้ายชื่อสถานีกลางบางซื่อในครั้งก่อน ทบทวนค่าใช้จ่ายในการรื้อถอน และจำนวนและเวลาที่ใช้งานของกระเช้าอีกครั้ง
2. รฟท. พิจารณาความเป็นไปได้ในการใช้ตัวอักษรเดิม “สถานีกลาง” ที่ติดตั้งอยู่ในปัจจุบัน มาปรับปรุงเพื่อใช้ติดตั้งแทนที่จะทำขึ้นใหม่ทั้งหมด เนื่องจากตัวอักษรยังอยู่ในสภาพยังดี และสามารถนำมาปรับปรุงเหมือนกับตัวอักษรใหม่ได้
3. รฟท. ทบทวนค่างานออกแบบ ที่น่าจะสามารถกำหนดอัตราส่วนของราคางานได้ต่ำกว่างานปกติ เนื่องจากเป็นงานที่ได้ออกแบบไว้เดิมอยู่แล้ว รวมทั้งการทบทวนงานเผื่อเลือก (Provisional Sum) ที่อาจสามารถปรับลดได้ เช่น การทบทวนความจำเป็นที่จะต้องมีวัสดุมาปิดไว้ทดแทนกระจกในขณะที่มีการรื้อถอน เนื่องจากงานดำเนินการในช่วงฤดูหนาว และอาคารสถานีบางส่วนเป็นพื้นที่ที่ไม่มีกระจกอยู่แล้ว เป็นต้น
ส่วนการตรวจสอบข้อเท็จจริงด้านราคากลางของโครงการฯดังกล่าว พบว่าการจัดจ้างโครงการเปลี่ยนชื่อป้ายสถานีกลางบางซื่อ โดยวิธีจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีเฉพาะเจาะจง มูลค่างาน 33,169,726.39 บาท แบ่งงานออกเป็น 4 ส่วน ประกอบด้วย
1. งานโครงสร้างวิศวกรรม แบ่งเป็น ค่างานต้นทุน 5.1 ล้านบาท ,ค่าก่อสร้าง 6.2 ล้านบาท
2. งานสถาปัตยกรรม แบ่งเป็น ค่างานต้นทุน 19 ล้านบาท ,ค่าก่อสร้าง 24 ล้านบาท
3.งานออกแบบรายละเอียดพร้อมรายการคำนวณ แบ่งเป็น ค่างานต้นทุน 7.52 แสนบาท ,ค่าก่อสร้าง 9.18 แสนบาท
4.งานเผื่อเลือก 1.6 ล้านบาท
ทั้งนี้จากข้อสังเกตของสภาวิศวกรได้มีการเปรียบเทียบกับราคาเดิมที่อ้างอิงจากราคาในสัญญา และรายละเอียดปริมาณงาน (BOQ) เดิม ตั้งแต่ ปี 2553 พบว่า ราคาที่เสนอปัจจุบันนี้เป็นราคาอ้างอิงตามบัญชีราคาสัญญาเดิม งานจัดหาและติดตั้งกระจก ราคากระจก ตามสัญญาเดิม ตารางเมตรละ 27,190 บาท เปรียบเทียบกับราคากระจกในส่วนของการเสนอราคาครั้งใหม่ ตารางเมตรละ 25,620 บาท
ขณะที่งานจัดหาและติดตั้งโครงกระจกอลูมิเนียม ราคาโครงอลูมิเนียม ตามสัญญาเดิม ตารางเมตรละ 9,690 บาท ราคาโครงอลูมิเนียมในส่วนของการเสนอราคาครั้งใหม่ ตารางเมตรละ 9,130 บาท ,งานจัดหาติดตั้งป้ายและสัญลักษณ์ รฟท. ราคาป้าย ตามสัญญาเดิม ตารางเมตรละ 23,637 บาท ราคาป้ายในส่วนของการเสนอราคาครั้งใหม่ ตารางเมตรละ 23,244 บาท เนื่องจากป้ายใหม่มีตัวอักษรที่เพิ่มขึ้น และมีการเพิ่มตราสัญลักษณ์ จึงทำให้ราคารวมสูงขึ้น แต่เมื่อเปรียบเทียบราคาต่อตารางเมตรแล้ว มีความใกล้เคียงกัน
นอกจากนี้คณะกรรมการตรวจสอบฯ เห็นว่า กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างของ รฟท. ตามนัยมาตรา 56 (2) (ค) แห่ง พ.ร.บ. จัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุ พ.ศ. 2560 แม้จะเป็นการใช้ดุลยพินิจตีความระเบียบกฎหมายในกรอบอำนาจหน้าที่โดยอาศัยเหตุและผลความจำเป็นตามที่เข้าใจ และ รฟท. ได้ชี้แจงมาข้างต้นไม่ว่าจะถูกต้องหรือไม่ก็ตาม สมควรหารือผู้เชี่ยวชาญด้านพัสดุกรมบัญชีกลางให้ชัดเจน
นายสรพงศ์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ รฟท. ควรศึกษาทบทวนวิธีการจัดซื้อจัดจ้างให้เหมาะสม รอบคอบ และสอดคล้อง กับ พ.ร.บ. จัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุ พ.ศ. 2560 โดยอาจพิจารณาแนวทางการจัดซื้อจัดจ้างตามหลักการของกฎหมาย ที่เห็นควรให้ใช้วิธีการพิจารณาเลือกใช้วิธีประกาศเชิญชวนทั่วไปเป็นลำดับแรกก่อน เพื่อให้เกิดการแข่งขันอย่างเปิดกว้าง ซึ่งจะทำให้เกิดความเชื่อมั่นถึงความโปร่งใส เป็นธรรม และเป็นที่ยอมรับของประชาชน
“เห็นควรให้ รฟท. พิจารณาทบทวนตรวจสอบกระบวนการสืบราคาให้เกิดความครบถ้วนชัดเจน และดำเนินการให้สอดคล้องกับคู่มือแนวทางการประกาศรายละเอียดข้อมูลราคากลางและการคำนวณราคากลางเกี่ยวกับการขอจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานของรัฐ ตามหนังสือกรมบัญชีกลาง ด่วนที่สุด ที่ กค 0433.2/ว 206 ลงวันที่ 1 พ.ค. 2562 ตามขั้นตอนต่อไป”