20 ก.พ.นี้ “การรถไฟ” เปิดขายตั๋วนำเที่ยว ย้อนรอยประวัติศาสตร์เมืองแปดริ้ว
สายเที่ยวมีเฮ “การรถไฟ” เปิดขายตั๋วรถไฟญี่ปุ่นนำเที่ยวรอบพิเศษ เส้นทางกรุงเทพ-ฉะเชิงเทรา ย้อนรอยประวัติศาสตร์เมืองแปดริ้ว เริ่ม 20 ก.พ.นี้ จำกัด 200 ที่นั่งต่อวัน พร้อมเปิดแผนเดินทางแวะที่ไหนบ้าง
นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ ผู้อำนวยการศูนย์ประชาสัมพันธ์ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า การรถไฟแห่งประเทศไทย จัดทริป “ย้อนรอยประวัติศาสตร์ เที่ยวเมืองแปดริ้ว” แบบเช้าไปเย็นกลับ เส้นทาง กรุงเทพ-ฉะเชิงเทรา-กรุงเทพ รอบพิเศษ 4 เที่ยว เริ่มจำหน่ายตั๋วโดยสารพร้อมกันทั่วประเทศ ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 09.30 น. เป็นต้นไป
สำหรับการเดินทางในครั้งนี้จะเดินทางไปพร้อมกับ ขบวนรถไฟ KIHA 183 กับรายการนำเที่ยว “ย้อนรอยประวัติศาสตร์ เที่ยวเมืองแปดริ้ว” สัมผัสประสบการณ์ใหม่เที่ยวเมืองไทย ผสานกลิ่นอายสไตล์ญี่ปุ่น แบบวันเดย์ทริป ไปเช้าเย็นกลับ เส้นทางกรุงเทพ-ฉะเชิงเทรา-กรุงเทพ รอบพิเศษ 4 เที่ยว ในวันเสาร์ที่ 25 หรือวันอาทิตย์ที่ 26 กุมภาพันธ์ และ วันเสาร์ที่ 11 หรือวันอาทิตย์ที่ 12 มีนาคมนี้ ราคารวมอาหารและเครื่องดื่มตลอดการเดินทาง เพียง 1,999 บาทต่อท่าน วันละ 200 ที่นั่งเท่านั้น
ส่วนการเดินทางในทริปพิเศษนี้ จะออกเดินทางจากสถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) ในเวลา 07.40 น. และกลับถึงสถานีกรุงเทพ ในเวลา 18.35 น. สำหรับทริปนี้พร้อมบริการอาหารเช้าสไตล์ญี่ปุ่น “เบนโตะ” ให้กับผู้โดยสารทุกคนในระหว่างการเดินทาง ภายในขบวนรถ KIHA 183 จะมีวิทยากรบรรยายเล่าเรื่องข้อมูลของสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ตลอดการเดินทาง
ทั้งนี้ผู้โดยสารจะได้พบกับจุดแลนด์มาร์กใหม่ที่มีความ Unseen ในเส้นทางรถไฟสายตะวันออก ซึ่งขบวนรถไฟจะจอดให้ผู้โดยสารได้แวะชมวิวทิวทัศน์บริเวณกลางสะพานข้ามแม่น้ำบางปะกง 20 นาที มีลักษณะคล้ายรถไฟลอยน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จากนั้นเมื่อถึงสถานีชุมทางฉะเชิงเทรา จะเดินทางกันต่อโดยรถบัสปรับอากาศ เพื่อไปสักการะ “หลวงพ่อโสธร” ที่วัดโสธรวรารามวรวิหาร พร้อมรับวัตถุมงคลแล้วเดินทางต่อไปยังพิพิธภัณฑ์เมืองฉะเชิงเทรา (จวนผู้ว่าราชการจังหวัดเก่า)
นอกจากนี้จะได้ชมการแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน ชมพิพิธภัณฑ์ และเลือกซื้อสินค้าที่ระลึก รับประทานอาหารกลางวันที่ “ร้านเดอะริเวอร์บาร์น” แวะช้อปปิ้งที่ตลาดโบราณ 100 ปี เดินทางไปเติมเสริมสิริมงคลต่อกันที่ วัดจีนประชาสโมสร (เล่งฮกยี่) วัดจีนในพุทธศาสนามหายาน มีอายุกว่า 100 ปี ผู้คนเรียกว่า “วัดมังกรวาสนา” หรือ “วัดมังกรแห่งโชค” จากนั้น ล่องเรือรอบเกาะลัด ชมธรรมชาติและความสวยงามของสองฝั่งแม่น้ำบางปะกง ชมอนุสรณ์สถานพระสถูปเจดีย์ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช วัดปากน้ำโจ้โล้ (ชมอุโบสถสีทองหนึ่งเดียวในประเทศไทย) วัดพุทธพรหมยาน วัดโพธิ์บางคล้า อุทยานพระพิฆเนศ สักการะพระพิฆเนศเนื้อสำริดองค์ยืนที่ใหญ่ที่สุดในโลก
นายเอกรัช กล่าวต่อว่า ทริป “ย้อนรอยประวัติศาสตร์ เที่ยวเมืองแปดริ้ว” ไปกับขบวนรถ KIHA 183 เป็นการบูรณาการความร่วมมือระหว่างการรถไฟฯ กับมูลนิธิฉะเชิงเทราเพื่อการพัฒนา พร้อมด้วยสมาชิกและภาคีเครือข่ายของมูลนิธิฯ ประกอบด้วยหอการค้าจังหวัดฉะเชิงเทรา ตำรวจภูธรฉะเชิงเทรา และมหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ มีวัตถุประสงค์เพื่อต่อยอดส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบบูรณาการ ระหว่างการรถไฟฯ กับจังหวัด รวมถึงหน่วยราชการ และผู้ประกอบการในพื้นที่
อย่างไรก็ตามการเดินทางครั้งนี้จะเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ในการเดินทางในรูปแบบของการเดินทางท่องเที่ยวทางรถไฟให้กับประชาชน และนักท่องเที่ยว ในการเที่ยวเมืองไทยด้วยขบวนรถไฟ KIHA 183 และยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ ตลอดจนกระตุ้นเศรษฐกิจ และเกิดการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น และคนในชุมชน เพื่อให้เศรษฐกิจฐานรากเติบโต และเป็นแรงผลักดันให้เศรษฐกิจของประเทศไทยเติบโตตามไปด้วยอย่างยั่งยืน