ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่โรงเรียนบ้านเกาะสินไห ต.ปากน้ำ อ.เมืองระนอง พลตำรวจเอกดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เดินทางมาเป็นประธานในพิธีปิด พร้อมส่งมอบพื้นที่"โครงการชุมชนยั่งยืนบ้านเกาะสินไหแก้ไขปัญหายาเสพติด"
พร้อมมอบใบประกาศเกียรติคุณและโล่ประกาศเกียรติคุณ แก่ผู้ผ่านการบำบัดรักษาและเจ้าที่ รวมทั้งผู้ให้การสนับสนุนโครงการจนบรรลุผลสำเร็จ โดยมีนายศักระ กปิลกาญจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง ข้าราชการตำรวจ ส่วนราชการ ตุลาการ ทหาร และประชาชนในพื้นที่ร่วมในพิธี
สืบเนื่องจากกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระนอง ได้รับทราบปัญหาว่า ในพื้นที่บ้านเกาะสินไห หมู่ที่ 4 ตำบลปากน้ำ อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนอง มีการแพร่ระบาดยาเสพติดอย่างรุนแรง จึงมีแนวคิดที่จะแก้ไขปัญหา และหยุดยั้งการแพร่ระบาดของยาเสพติด ซึ่งลำพังแค่การจับกุมดำเนินคดีเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถที่จะแก้ไขปัญหายาเสพติดให้หมดสิ้นไปได้
จึงได้ทำโครงการดำเนินงานชุมชนยั่งยืน ในการร่วมมือร่วมใจคืนคนดีกลับเข้าสู่สังคม เพื่อลูกหลานของคนบนเกาะสินไห ทำให้คุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สังคมเกิดความสงบสุข โดยความร่วมมือระหว่าง ตำรวจภูธรจังหวัดระนอง กับจังหวัดระนอง ภาคีเครือข่าย หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้นำชุมชนและประชาชนบ้านเกาะสินไห ดำเนินโครงการชุมชนยั่งยืนบ้านเกาะสินไหแก้ไขปัญหายาเสพติดแบบครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติ ตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค. 2565 - 19 เม.ย. 2566
โดยการบูรณาการเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าพื้นที่ในหมู่บ้าน แก้ไขอย่างจริงจังตลอดระยะเวลา 4 เดือน มีวิทยากรให้ความรู้ การบำบัดรักษาผู้เสพยาเสพติด การสร้างอาชีพ มีประชากรกลุ่มเป้าหมายเข้าสมัครเข้าร่วมโครงการ ในการบำบัดผู้เสพยาเสพติดจำนวน 87 คน ผลการดำเนินงานทุกคนตรวจไม่พบสารเสพติด ทำให้คุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ในหมู่บ้านดีขึ้น สังคมมีความสุข ลดปัญหาอาชญากรรม ทั้งได้กำหนดให้เป็นชุมชน “สินไหโมเดล” เพื่อเป็นแบบอย่างนำไปใช้กับชุมชนหมู่บ้านที่มีปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดต่อไป
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายและเจตนารมณ์มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาผู้เสพ ผู้ติดยาเสพติด โดยใช้วิธีทางสาธารณสุข ยึดหลักผู้เสพคือผู้ป่วยที่ควรได้รับการช่วยเหลือ ให้เข้ารับการบำบัดรักษา ตลอดจนมีการติดตามช่วยเหลือให้ได้กลับมาดำรงชีวิตแบบปกติสุขได้อย่างยั่งยืน
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มอบหมายให้ทุกสถานีตำรวจ ดำเนินโครงการชุมชนยั่งยืนเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติด แบบครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติ โดยบูรณาการร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ในการเฝ้าระวัง ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดที่ยั่งยืนและมั่นคงต่อไป
ผู้สื่อข่ายรายงานต่อว่า ไทยประสบปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดมาอย่างยาวนาน ส่งผลกระทบด้านความมั่นคงโดยตรง ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันมีเส้นทางลักลอบลำเลียงยาเสพติดบ่อยครั้งในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งมีภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงชันสลับซับซ้อน ประกอบกับอยู่ติดแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เฝ้าระวังป้องกัน ตรวจตราและปราบปราม เพื่อสกัดกั้นไม่ให้กลุ่มขบวนการได้ลำเลียงยาเสพติดเข้าสู่ประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง โดยความร่วมมือกันระหว่างเจ้าหน้าที่ ปปส. ฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร และสำคัญยิ่งคือประชาชนทุกคนในพื้นที่ชายแดนนั่นเอง
ปัจจุบันไทยยังเป็นทางผ่านของยาเสพติด จากแหล่งผลิตสำคัญไปยังประเทศที่ 3 โดยกลุ่มขบวนการลำเลียงยาเสพติด ยังคงมีความพยายามที่จะลักลอบลำเลียงยาเสพติด เข้าพักคอยหลบซ่อนอยู่ในหมู่บ้านต่าง ๆ ตามแนวชายแดน ชักชวนประชาชนหรือเยาวชนไทยเข้าไปเกี่ยวข้องและร่วมขบวนการ ด้วยการนำเงินค่าตอบแทนมาเป็นสิ่งล่อจูงใจ ก่อให้เกิดเป็นความเดือดร้อนให้กับประชาชนเป็นวงกว้าง
ที่ผ่านมาผู้ที่เกี่ยวข้องได้ใช้ความพยายาม ในการเฝ้าระวังอย่างเข้มงวดมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยการขับเคลื่อนแผนการปฏิบัติการ ด้านการแก้ไขปัญหายาเสพติดชายแดนภาคเหนือตอนบนแบบเบ็ดเสร็จ จะต้องมีมาตรการสำคัญคือ การสอบสวนปราบปรามเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดและผู้มีอิทธิพล รวมถึงมาตรการสกัดกั้นยาเสพติดตามแนวชายแดน และในพื้นที่สำคัญ
ช่วงที่ผ่านมามีข่าวการสกัดกั้น การลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้าสู่ประเทศไทย ได้เป็นจำนวนมากและบ่อยครั้ง ส่วนใหญ่คือหมู่บ้านตามแนวชายแดน โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ส่งผลให้ภาพลักษณ์ของหมู่บ้านตามแนวชายแดนถูกมองจากคนนอกพื้นที่ไปในทิศทางที่ไม่ดีนัก บางครั้งถูกมองว่าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติด
ที่จริงพี่น้องประชาชนส่วนใหญ่ไม่ได้รับรู้ หรือสนับสนุนตลอดจนเห็นด้วยกับกลุ่มขบวนการแต่อย่างใด และเกิดเป็นปัญหาต่อความรู้สึกของเยาวชนบุตรหลานในพื้นที่ ทำให้ขาดความเชื่อมั่นในตนเอง ในการเรียนต่อหรือสมัครงาน ตลอดจนขาดความภาคภูมิใจในภูมิลำเนาถิ่นเกิด
เพื่อให้การดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติดประสบความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม นอกจากความร่วมมือของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนและรัฐวิสาหกิจแล้ว ภาคส่วนสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหานี้ประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน คือความร่วมมือของประชาชนทุกคนที่อยู่ในพื้นที่ตามแนวชายแดน ที่จะต้องช่วยกันสอดส่องดูแล เปรียบเสมือนกับตาสับปะรด ที่มีเป็นจำนวนมากและครอบคลุมทุกพื้นที่ เพื่อรวมพลังป้องกันไม่ให้กลุ่มขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติด เข้ามาหลบซ่อนและพักคอยในหมู่บ้านของทุกคน
หากทุกคนทุกหมู่บ้านผนึกกำลังร่วมเป็นกำลังหลัก จะส่งผลให้กลุ่มขบวนการการค้ายาเสพติดเกรงกลัว และไม่กล้าใช้หมู่บ้านแนวชายแดนเป็นที่ซุกซ่อนและพักคอยยาเสพติดอีกต่อไป ซึ่งจะทำให้ปัญหายาเสพติดในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนและประเทศชาติหมดสิ้นลงไปอย่างถาวร ตลอดจนเกิดภาพลักษณ์ที่ดีของประชาชนตามแนวชายแดนทุกคน ที่มีความมุ่งมั่นในการรวมพลังแก้ไขปัญหายาเสพติด ให้หมดสิ้นไปจากผืนแผ่นดินไทยและเพื่อประชาชนชาวไทยทุกคน
โดยสามารถแจ้งเบาะแส ความเคลื่อนไหวขบวนการลำเลียงยาเสพติด ได้ที่ศูนย์ประสานงานเพื่อความมั่นคงที่ 3 โทร.08 0835 9959 หรือสายด่วนยาเสพติด โทร. 1386 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อร่วมสร้างอนาคตที่ดีให้กับลูกหลานอันเป็นที่รักของพวกเราทุกคนสืบไป
บุญเลื่อน พรหมประทานกุล/รายงาน