นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ รองอธิบดีกรมศุลกากร ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร เปิดเผยว่า กรมศุลกากรเร่งรัดดำเนินมาตรการต่าง ๆ เพื่อสกัดกั้นการลักลอบเคลื่อนย้ายยาเสพติดข้ามชาติให้ได้ผลอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ สำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ จึงเปิดยุทธการ “สทก. ท้ารบ สยบไพรี” เพื่อปิดกั้นเส้นทางและปราบปรามเครือข่ายลักลอบลำเลียงยาเสพติด ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โดยเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2566 เวลา 16.00 น. สำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ร่วมกับกองสืบสวนและปราบปราม กรมศุลกากร พบสินค้าต้องสงสัยที่มีความเสี่ยงสูงในการลักลอบลำเลียงยาเสพติดไปยังต่างประเทศ โดยสำแดงชนิดสินค้าเป็นแผ่นแปะบรรเทาอาการปวด (Pain Relieving Patch) ส่งออกทางท่าเรือกรุงเทพ ประเทศไทย ปลายทางเมลเบิร์น (Melbourne) ประเทศออสเตรเลีย
ซึ่งตรงกับเงื่อนไขความเสี่ยง จึงทำการเอกซเรย์ และพบความผิดปกติภายในสินค้าดังกล่าว จึงได้ดำเนินการตรวจสอบทางกายภาพโดยละเอียด พบยาเสพติดให้โทษ ประเภท 1 (เฮโรอีน) มีลักษณะเป็นผงสีขาวบรรจุอยู่ในซองพลาสติกใส ภายในบรรจุภัณฑ์แผ่นแปะบรรเทาอาการปวด น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้มประมาณ 32 กิโลกรัม
“หากส่งออกไปยังประเทศออสเตรเลีย จะมีมูลค่าในราคาขายสูงถึง 200 ล้านบาท จึงได้ร่วมกันกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ตรวจยึดพร้อมทั้งขยายผลหาผู้เกี่ยวข้องต่อไป”
โฆษกกรมศุลกากร กล่าวต่ออีกว่า สำหรับผลงานการตรวจยึดจับกุมการลักลอบส่งออกยาเสพติดของสำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ นับตั้งแต่ต้นปี 2565 จนถึงปัจจุบัน ครั้งนี้ นับเป็นการจับกุม ครั้งที่ 5 รวมมูลค่าปลายทางทั้งหมดกว่า 2,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม กรมศุลกากรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะร่วมมือกันสกัดกั้นเครือข่ายลักลอบลำเลียงยาเสพติดข้ามชาติอย่างเข้มงวด เพื่อปกป้องสังคมและประเทศชาติให้ปลอดภัย