หลังจากที่กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ออกประกาศฉบับที่ 8/2566 ลงวันที่ 5 กรกฎาคม 2566 เรื่อง ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ในขณะที่ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ พัดปกคุลมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออกและภาคใต้ ส่งผลให้ประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นนั้น
นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้ประเมินวิเคราะห์สถานการณ์ด้วยฝนคาดการณ์จากกรมอุตุนิยมวิทยา และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) พบว่า มีพื้นที่เสี่ยงเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินถล่ม และพื้นที่ชุมชนเมืองที่เคยเกิดน้ำท่วมขังไม่สามารถระบายน้ำได้ทัน โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ในช่วงวันที่ 8 - 11 กรกฎาคม 2566 ดังนี้
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
จังหวัดอุบลราชธานี
จังหวัดนครพนม
จังหวัดมุกดาหาร
ภาคตะวันออก
จังหวัดระยอง
จังหวัดจันทบุรี
จังหวัดตราด
ภาคใต้
จังหวัดกระบี่
จังหวัดพังงา
จังหวัดระนอง
จังหวัดสตูล
จังหวัดตรัง
จังหวัดพัทลุง
ทั้งนี้ กรมชลประทานได้เตรียมความพร้อมรับมือ โดยติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกสะสมมากกว่า 90 มิลลิเมตร ในช่วงเวลา 24 ชั่วโมง และกำหนดจุดเสี่ยงพื้นที่ที่เกิดน้ำท่วมขังอยู่เป็นประจำ
พร้อมตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงและความสามารถใช้งานของอ่างเก็บน้ำ อาคารบังคับน้ำ และติดตาม ตรวจสอบ ซ่อมแซม แนวคันบริเวณริมแม่น้ำและกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการเตรียมแผนรับสถานการณ์น้ำหลาก
พิจารณาบริหารจัดการน้ำในแหล่งน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ควบคุม เตรียมความพร้อมด้านบุคลากร เครื่องจักรเครื่องมือ และระบบสื่อสารสำรอง เพื่อบูรณาการร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนล่วงหน้า ให้เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ได้ทันท่วงที