ภายหลังจากที่รัฐฯประกาศปรับปรุงหลักเกณฑ์การจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ หรือ เบี้ยผู้สูงอายุ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2566 โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 12 สิงหาคม 2566 เกี่ยวกับกรณีดังกล่าวนี้ สร้างความกังวลใจต่อผู้สูงอายุที่รับสิทธิ์"เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ"รายเดิมว่าจะถูกตัดสิทธิ์หรือไม่
ล่าสุดทางกรมกิจการผู้สูงอายุ ได้ออกมายืนยันว่า รายเดิมยังคงได้รับเงินช่วยเหลือเยียวยาต่อไป แต่สำหรับรายใหม่ที่กำลังจะลงทะเบียนหรือรอพิจารณารับสิทธิ์เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุอยู่นั้นจะต้องรอเงื่อนไขใหม่ที่ทางคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติจะกำหนดออกมา
ปัจจุบันเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุจะมีให้กับผู้สูงอายุที่ลงทะเบียนขอรับสิทธิ์ โดยเงื่อนไขหลักเกณฑ์เบื้องต้นจะต้องมีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ขณะที่อัตราการจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยา หรือ เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุจะจ่ายเป็นขั้นบันได มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
- อายุ 60 – 69 ปี จะได้รับเบี้ยยังชีพ อัตรา 600 บาท/คน/เดือน
- อายุ 70 – 79 ปี จะได้รับเบี้ยยังชีพ อัตรา 700 บาท/คน/เดือน
- อายุ 80 – 89 ปี จะได้รับเบี้ยยังชีพ อัตรา 800 บาท/คน/เดือน
- อายุ 90 ปี ขึ้นไป จะได้รับเบี้ยยังชีพ อัตรา 1,000 บาท/คน/เดือน
ปฏิทินการจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ประจำปีงบประมาณ 2566 มีดังต่อไปนี้
- เดือนตุลาคม 2565 วันจันทร์ที่ 10 ตุลาคม 2565
- เดือนพฤศจิกายน 2565 วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤศจิกายน 2565
- เดือนธันวาคม 2565 วันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม 2565
- เดือนมกราคม 2566 วันอังคารที่ 10 มกราคม 2566
- เดือนกุมภาพันธ์ 2566 วันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2566
- เดือนมีนาคม 2566 วันศุกร์ที่ 10 มีนาคม 2566
- เดือนเมษายน 2566 วันจันทร์ที่ 10 เมษายน 2566
- เดือนพฤษภาคม 2566 วันพุธที่ 10 พฤษภาคม 2566
- เดือนมิถุนายน 2566 วันศุกร์ที่ 9 มิถุนายน 2566
- เดือนกรกฎาคม 2566 วันจันทร์ที่ 10 กรกฎาคม 2566
- เดือนสิงหาคม 2566 วันพฤหัสบดีที่ 10 สิงหาคม 2566
- เดือนกันยายน 2566 วันศุกร์ที่ 8 กันยายน 2566
สำหรับผู้สูงอายุที่ยังไม่เคยรับเบี้ยยังชีพ-เบี้ยผู้สูงอายุ สามารถตรวจสอบเงื่อนไข รายละเอียดการลงทะเบียนเพื่อขอรับเงินช่วยเหลือเยียวยาได้ ดังต่อไปนี้
คุณสมบัติของผู้สูงอายุที่สามารถสมัครรับเบี้ยยังชีพได้มีดังนี้
- มีสัญชาติไทย
- มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
- มีอายุหกสิบปีบริบูรณ์ขึ้นไป ซึ่งได้ยืนยันสิทธิของรับเบี้ยผู้สูงอายุต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
- เป็นผู้ไม่มีรายได้หรือมีรายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพตามที่คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติตามกฎหมายว่าด้วยผู้สูงอายุกำหนด
หลักฐานประกอบการลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ
- บัตรประจำตัวประชาชน หรือ บัตรอื่นที่ออกโดยหน่วยงานรัฐที่มีรูปถ่าย
- ทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้าน(ที่เป็นปัจจุบัน)
- สมุดบัญชีเงินฝากธนาคารในนามผู้มีสิทธิ / ผู้ได้รับมอบอำนาจจากผู้มีสิทธิ (สำหรับกรณีประสงค์รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุผ่านทางธนาคาร)
- ในกรณีที่ผู้สูงอายุไม่สามารถมาลงทะเบียนเองได้ สามารถมอบอำนาจเป็นลายลักษณ์อักษร ให้ผู้อื่นเป็นผู้ยื่นคำร้องขอรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุแทนได้
ระยะเวลาลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ
เปิดรับลงทะเบียนตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงเดือนพฤศจิกายนของทุกปี
- กรณีผู้สูงอายุที่มีอายุ 59 ปี สามารถลงทะเบียนตั้งแต่ ต.ค.65-พ.ย.65 และเดือน ม.ค. 66 -ก.ย.66 โดยจะได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุในเดือนถัดไป เมื่ออายุครบ 60 ปีบริบูรณ์
- กรณีผู้สูงอายุที่มีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปและยังไม่เคยลงทะเบียนขอรับเบี้ยยังชีพสามารถลงทะเบียนตั้งแต่ ต.ค. 65 - พ.ย. 65 และ ม.ค. 66 - ก.ย.66 และจะได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ตั้งแต่ต.ค. 2566เป็นต้นไป
ช่องทางลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ สามารถติดต่อได้ที่
- กรุงเทพมหานคร ลงทะเบียนที่สํานักงานเขต
- ส่วนภูมิภาค ลงทะเบียนที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สำนักงานเทศบาล หรือองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ที่ผู้สูงอายุมีภูมิลำเนา