เตือนกทม.และ 10 จังหวัด เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำ-เสี่ยงน้ำท่วม 2 ต.ค. เป็นต้นไป

01 ต.ค. 2566 | 10:57 น.
อัพเดตล่าสุด :01 ต.ค. 2566 | 11:14 น.

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เตือนกทม.และ 10 จังหวัด ให้เฝ้าระวังระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น ตั้งแต่วันที่ 2 ตุลาคม 2566 เป็นต้นไป หลังมีการระบายน้ำผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา อาจส่งผลกระทบพื้นที่ชุมชนโดยเฉพาะในอ่างทองและอยุธยา

 

1 ต.ค. 2566 กระทรวงมหาดไทย โดย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ประสาน 10 จังหวัด ได้แก่ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี ปทุมธานี นนทบุรี และสมุทรปราการ รวมถึงกรุงเทพมหานคร ให้เฝ้าระวังระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา เพิ่มสูงขึ้น ตั้งแต่วันที่ 2 ตุลาคม 2566 เป็นต้นไป

เพจกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่จะติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ พร้อมประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา จุดเสี่ยงที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำให้เฝ้าระวังระดับน้ำและเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำ นอกจากนี้ ยังแจ้งจังหวัดประสานท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบแนวคันกั้นน้ำ จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ เครื่องจักรกลด้านสาธารณภัย และเจ้าหน้าที่ติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์ และเตรียมความพร้อมปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง

ปภ.เตือนหลายพื้นที่เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำเพิ่มระดับสูงขึ้น ตั้งแต่พรุ่งนี้ (2 ต.ค.) เป็นต้นไป

ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ได้รับแจ้งจากกรมชลประทาน ว่า จากอิทธิพลของร่องมรสุมทำให้เกิดฝนตกหนักสะสมบริเวณภาคเหนือ ส่งผลให้น้ำในลำน้ำเพิ่มมากขึ้น และมีปริมาณน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำปริมาณมาก และในช่วงวันที่ 3 - 6 ตุลาคม 2566 นี้ จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ โดยคาดการณ์ปริมาณน้ำที่สถานี C.2 อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ จะมีปริมาณน้ำไหลผ่าน ประมาณ 1,300 - 1,600 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และจะมีปริมาณน้ำจากแม่น้ำสะแกกรังและลำน้ำสาขาประมาณ 50 - 150 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งทำให้ปริมาณน้ำที่เหนือเขื่อนเจ้าพระยา มีปริมาณระหว่าง 1,350 - 1,750 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที

เกณฑ์การระบายน้ำของเขื่อนเจ้าพระยา

หลายพื้นที่ชุมชนอาจได้รับผลกระทบจากการระบายน้ำ

จึงมีความจำเป็นต้องระบายน้ำผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาในอัตราระหว่าง 1,000 - 1,400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทำให้พื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำบริเวณคลองโผงเผง จังหวัดอ่างทอง คลองบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา ตำบลลาดชิด ตำบลท่าดินแดง อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (แม่น้ำน้อย) มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันอีกประมาณ 1.00 - 1.50 เมตร อาจส่งผลกระทบต่อพื้นที่ชุมชน ตั้งแต่วันที่ 2 ตุลาคม 2566 เป็นต้นไป

กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) จึงได้ประสาน 10 จังหวัด ได้แก่

  • อุทัยธานี
  • ชัยนาท
  • สิงห์บุรี
  • อ่างทอง
  • สุพรรณบุรี
  • พระนครศรีอยุธยา
  • ลพบุรี
  • ปทุมธานี
  • นนทบุรี
  • สมุทรปราการ

รวมถึงกรุงเทพมหานคร ให้เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ พร้อมประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ภาคเอกชนที่ประกอบกิจการในแม่น้ำ อาทิ งานก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง แพร้านอาหาร ตลอดจนประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา จุดเสี่ยงที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำ ให้เฝ้าระวังระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นและเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำ ตลอดจนเตรียมพร้อมในการขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูงให้พ้นจากแนวน้ำท่วม

นอกจากนี้ ยังได้ประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ตรวจสอบแนวคันกั้นน้ำและแนวป้องกันน้ำท่วมให้มีความแข็งแรง เพื่อป้องกันระดับน้ำล้นข้ามแนวคันกั้นน้ำ อีกทั้งจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ เครื่องจักรกลด้านสาธารณภัย เพื่อเตรียมความพร้อมปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง

เตรียมความพร้อมปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง

สำหรับประชาชนขอให้ติดตามข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด ปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด และเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยที่อาจเกิดขึ้น และหากได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือได้ ทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM และสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ ประชาชนยังสามารถติดตามประกาศการแจ้งเตือนภัยได้ที่แอปพลิเคชัน “THAI DISASTER ALERT” ทุกที่ทุกเวลา