รวมมุกใหม่มิจฉาชีพแอบอ้างเป็นลูกค้าปลอม ผู้ประกอบการร้านอาหาร ต้องระวัง

23 ต.ค. 2566 | 01:28 น.
อัปเดตล่าสุด :23 ต.ค. 2566 | 01:28 น.

ตำรวจไซเบอร์ เตือนภัย ผู้ประกอบการร้านอาหาร ระวังลูกค้าปลอมหลากหลายรูปแบบ เสียเวลาตรวจสอบดีกว่าเสียเงินให้มิจฉาชีพ

ในสื่อสังคมออนไลน์ กำลังมี "มิจฉาชีพแอบอ้างเป็นลูกค้าปลอม" โทรศัพท์ไปยังผู้ประกอบการร้านอาหารแล้วหลอกลวงให้โอนเงินเป็นค่ารักษาพยาบาล เนื่องจากได้ไปรับประทานอาหารที่ร้านอาหารของผู้เสียหายแล้วตรวจพบว่ามีฝอยขัดหม้อติดอยู่ที่ลำคอนั้น การหลอกลวงในลักษณะดังกล่าว เป็นการหลอกลวงในรูปแบบเดิมๆ นอกจากนี้แล้วยังมีการหลอกลวงในลักษณะอื่นๆ ที่ใกล้เคียง และเกิดเหตุขึ้นอยู่บ่อยครั้ง 

แผนประทุษกรรมที่ 1

มิจฉาชีพโทรศัพท์ไปยังผู้ประกอบการร้านค้าอ้างว่าจะสั่งอาหารกล่อง หรือจะขอสำรองโต๊ะอาหารพร้อมกับสั่งอาหารให้กับบุคคลสำคัญ หรือพนักงานบริษัทจำนวนมาก แต่กลับหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อซื้ออาหาร และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากร้านค้าอื่นซึ่งเป็นร้านค้าปลอม อ้างว่าจะให้เงินส่วนต่างเป็นค่าตอบแทน

แผนประทุษกรรมที่ 2

มิจฉาชีพโทรศัพท์ไปยังผู้ร้านอาหารแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่สำนักงานพระราชวัง แจ้งว่าจะมีบุคคลสำคัญมารับประทานอาหารที่ร้าน หลอกลวงเรียกเก็บค่าจัดเตรียมสถานที่ ค่าเข็มที่ระลึก ค่าถ่ายภาพ เป็นต้น 

แผนประทุษกรรมที่ 3

มิจฉาชีพโทรศัพท์ไปยังผู้ประกอบการร้านค้าอ้างว่าได้ทำการสั่งอาหารออนไลน์จากร้าน แต่ได้รับอาหารไม่ตรงกับที่สั่งซื้อ หลอกลวงขอเงินคืนเพื่อชดใช้ค่าเสียหาย

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก บช.สอท. ระบุว่า พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. เร่งรัดขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในทุกรูปแบบ พร้อมทั้งสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนให้รู้เท่าทันกลโกงของมิจฉาชีพ

วิธีการป้องกันการถูกหลอกลวงในลักษณะดังกล่าว 5 ข้อ 

1.ผู้ประกอบการร้านอาหาร ควรระมัดระวังการรับสายโทรศัพท์จากหมายเลขที่ไม่คุ้นเคย ไม่เคยมีประวัติการสั่งซื้ออาหาร มาก่อน มีการแอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆ มีการเร่งรัดให้ตัดสินใจ เร่งรีบให้โอนเงิน โดยการข่มขู่ให้เกิดความหวาดกลัว

2.ระวังหลักฐานที่มิจฉาชีพสร้างปลอมขึ้นมา เช่น หลักฐานการโอนเงิน โดยการใช้บริการแจ้งเตือนอัตโนมัติ (SMS Alert)ผ่านโทรศัพท์มือถือของสถาบันการเงิน หรือธนาคารต่างๆ หลักฐานทางการแพทย์ ต้องตรวจสอบก่อนว่าเป็นสถานพยาบาลที่น่าเชื่อหรือไม่ สอบถามโดยตรงไปยังโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลที่ออกใบรับรองนั้น เป็นต้น

4.ตรวจสอบบัญชีที่รับโอนเงินทุกครั้งอย่างละเอียดรอบคอบ โดยนำชื่อสกุลเจ้าของบัญชี หมายเลขบัญชี ไปตรวจสอบในเว็บไซต์การค้นหาทั่วไป หรือที่ https://www.blacklistseller.com ว่ามีประวัติการฉ้อโกงหลอกลวงหรือไม่

5.หากมีการให้โอนเงินเพื่อจ่ายค่าอาหาร ค่าเครื่องดื่ม ค่ารักษาพยาบาล หรือค่าอุปกรณ์ใดๆ มีการอ้างว่าจะให้เงินส่วนต่าง หรือให้สิทธิพิเศษอื่นใด หรืออ้างบุคคลสำคัญ ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นมิจฉาชีพ ห้ามโอนเงินโดยเด็ดขาด