จากกรณีความขัดแย้งของพี่น้องตระกูล"ศรีสกุลภิญโญ”เจ้าของธุรกิจเฟอร์นิเจอร์อันดับต้นของเมืองไทย โดยพี่ชายกับน้องชายมีข้อพิพาทเรื่องการแบ่งโอนหุ้นให้น้องสาว
ทั้งนี้ จนเป็นที่มาของการแจ้งความฟ้องร้องดำเนินคดีน้องชายนับสิบคดี ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา และทำให้เจ้าของธุรกิจระดับพันล้านซึ่งเป็นพี่ชายต้องผันตนเองมาขายราดหน้า
อย่างไรก็ดี จากการที่พี่ชายยื่นฟ้องขอให้น้องชาย น้องสาวโอนหุ้นคืนในส่วนคดีแพ่ง ศาลแพ่งตลิ่งชันได้มีคำพิพากษายกฟ้องพี่ชาย
แต่ยังมีคดีที่พี่ชายแจ้งความดำเนินคดีน้องข้อหาฉ้อโกงหลอกให้โอนหุ้น ศาลแขวงพระนครเหนือลงโทษจำคุกน้องชายทั้งสองคน คนละ 3 ปี โดยไม่รอลงอาญา
ส่วนศาลอุทธรณ์ก็พิพากษายืนแต่ให้ลงโทษน้องชายทั้งสองคน คนละ 2 ปี คดีขึ้นสู่ศาลฎีกา และในที่สุดศาลฎีกาได้มีคำพิพากษายกฟ้องพี่ชาย
ศาลฎีกาชี้ว่าน้องชาย และผู้เกี่ยวข้องมิได้ฉ้อโกง โดยทำให้ทั้งนายพัฒน์ปกรณ์ ศรีสกุลภิญโญ และนายธนัฏฐ์โชค ศรีสกุลภิญโญ น้องชายทั้งสองที่ตกเป็นจำเลยมาตลอด 8 ปี ได้หลุดพ้นมลทินเพราะเป็นผู้บริสุทธิ์
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้มีคดีที่พี่ชายคิดว่าการดำเนินธุรกิจของ บริษัท สตาร์มาร์ค แมนูแฟคเชอร์ริ่ง จำกัด ซึ่งเป็นที่มาของคดีพิพาทศึกพี่น้องตระกูลนี้พี่ชายพร้อมคนในครองครัวของพี่ชายทั้งสองคน ยังได้ดำเนินคดีน้องชายทั้งสองกับน้องสาวในคดีอาญาต่อศาลตลิ่งชันรวม 3 คดี ในข้อหาลักทรัพย์ และทำให้ผู้ถือหุ้นได้รับความเสียหาย
ซึ่งทุกคดีศาลก็ได้มีคำพิพากษายกฟ้องพี่ชายและคนในครอบครัวของพี่ชายทั้งสองในฐานะผู้ถือหุ้น ทุกคดีและคดีถึงที่สุดทั้งสามคดีด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ พี่ชายยังมีการดำเนินคดีน้องชายทั้งสองอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะฟ้องเรียกให้คืนทรัพย์หาว่าน้องชายทั้งสองเนรคุณ และยังมีการฟ้องว่าน้องชายบุกรุกบ้าน ที่น้องชายอาศัยอยู่มากว่า 25 ปี และทำร้ายร่างกาย ซึ่งทุกคดีศาลพิพากษายกฟ้องพี่ชายด้วยเช่นกัน
จึงถือเป็นการยุติข้อขัดแย้งของพี่น้องศรีสกุลภิญโญ และปิดตำนานคดีดังกล่าว เพื่อให้การดำเนินธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ของ บริษัท สตาร์มาร์ค แมนูแฟคเชอร์ริ่ง จำกัด โดยมี นายพัฒน์ปกรณ์ ศรีสกุลภิญโญ ประธานกรรมการบริหาร และนายธนัฏฐ์โชค ศรีสกุลภิญโญ กรรมการบริหาร และนางสาวณัฐปภัสร์ ศรีสกุลภิญโญ กรรมการผู้จัดการ กลับมาทำธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ และอสังหาริมทรัพย์ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ท่ามกลางสภาวะที่เศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะฟื้นฟูต่อไป