ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 12 มี.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเหตุไฟไหม้ตลาดสี่มุมเมือง จ.ปทุมธานี โดยที่เกิดเหตุมีกลุ่มควันจำนวนมากพวยพุ่งออกมาจากตลาด ทำให้ผู้ค้าและคนงานที่อยู่ภายในตลาดต่างเก็บข้าวของที่จำเป็นพากันวิ่งหนีออกมาอยู่ในที่ปลอดภัย
ขณะเดียวกันรถดับเพลิงและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าไปควบคุมเพลิง โดยที่เกิดเหตุคาดว่าอยู่ในโซนห้องเย็น และมีผู้สำลักควันจำนวนหลายคน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เร่งเข้าช่วยเหลือ และอพยพคนไปอยู่ที่ปลอดภัย
สำหรับความคืบหน้าฐานเศรษฐกิจจะรายงานให้ทราบต่อไป
จากนั้น กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) สรุปสถานการณ์ว่า เหตุการณ์อัคคีภัยเพิ่มเติม วันที่ 12 มีนาคม 2567 เวลาประมาณ 14.45 น. เกิดเหตุอัคคีภัยภายในห้องเย็นตลาดสี่มุมเมือง
สำหรับการช่วยเหลือ ระดมรถดับเพลิงหน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่ ทั้งเทศบาลตำบลหลักหก เทศบาลเมืองคูคต อบจ.ปทุมธานี มูลนิธิป่อเต๊กตึ้ง ตลาดสี่มุมเมือง มูลนิธิร่วมกตัญญู กู้ภัยวัฒนะปทุม กู้ชีพเมืองเอก เทศบาลเมืองลำสามแก้ว เทศบาลนครรังสิต
สาเหตุ : จากการสอบถามนายอภิวัฒน์ สุขพันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายงานบริหารตลาดสี่มุมเมือง ได้ให้ข้อมูลสาเหตุการการเกิดเหตุครั้งนี้ จากระบบไฟฟ้าขัดข้องทำให้หม้อแปลงระเบิด ห้องเก็บผัก 1 ห้อง ทำให้เพลิงไหม้ห้องเก็บผัก จำนวน 10 ล็อค
โดยหลังเกิดเหตุมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าลงพื้นที่ ได้แก่ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดปทุมธานี นายอำเภอลำลูกกา สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดปทุมธานี และรองนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองคูคต
ความคืบหน้าล่าสุด ต่อมาทราบว่าเด็กหญิงอายุ 4 ขวบ ที่สำลักควัน ซึ่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้นำส่งโรงพยาบาลกรุงสยามเซนต์คาร์ลอสนั้น ได้เสียชีวิตแล้ว
จากการสอบถามเจ้าของร้านค้า ชื่อ "ผักทองคำ" เล่าว่า ขณะที่ตนเองกำลังอยู่ในร้าน จู่ๆมีควันและกลิ่นไหม้ลอยมาที่ร้านตนเองอย่างรวดเร็ว จึงไปเรียกเพื่อนที่อยู่ร้านที่นอนอยู่ชั้นบนให้รีบหนี เพราะมีลูกนอนอยู่ด้วย ส่วนสาเหตุนั้นก็ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไวมาก
ขณะที่ พ.ต.ต.วิมล สมบูรณ์ สารวัตรสอบสวน สภ.คูคต ได้ทำการตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งกันพื้นที่ไม่ให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไป และได้บันทึกภาพในที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ได้เข้าตรวจสอบ รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อหาสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้ ต่อไป