จากกรณีไฟไหม้บริษัท วิน โพรเสส จำกัด ม.4 ต.บางบุตร อ.บ้านค่าย จ.ระยอง โรงงานสารเคมีร้างที่ปิดกิจการตามคำสั่งศาล และให้คัดแยกกากสารเคมีไปกำจัด ตั้งแต่ช่วงเช้าวันที่ 22 เม.ย. เพลิงไหม้ข้ามวันข้ามคืน กระทั่งเจ้าหน้าที่ควบคุมได้เมื่อวันที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา
ตัวแทนชาวบ้านและพระสงฆ์บ้านหนองพะวา ม.4 และบ้านโขดกลาง ม.8 ต.บางบุตร อ.บ้านค่าย จ.ระยอง จำนวน 100 คน รวมตัวกันที่บริเวณศาลาวัดหนองพะวา นำโดยนายอนันต์ ประกอบสุข อายุ 52 ปี รวบรวมรายชื่อชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.บ้านค่าย ให้ดำเนินคดีกับอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) และอุตสาหกรรมจังหวัดระยอง ฐานปล่อยปละละเลยให้โรงงานเก็บสารเคมีอุตสาหกรรม บ.วินโพรเสส เก็บสารเคมีไว้จนเกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้น
นายอนันต์ ระบุว่า ชาวบ้านในพื้นที่ได้รับผลกระทบมานานกว่า 10 ปี กระทบความเป็นอยู่และสิ่งแวดล้อม กระทั่งมาเกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้นทำให้ชาวบ้านรับไม่ได้จึงรวมตัวกันเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับอธิบดี กรอ. และอุตสาหกรรมจังหวัดระยอง ฐานปล่อยปละละเลยให้โรงงานแห่งนี้เก็บสารเคมีอันตรายจนกระทบกับชาวบ้านในพื้นที่ และเกิดเหตุเพลิงไหม้ดังกล่าวขึ้น ขอเรียกร้องให้ทางภาคราชการลงมาแก้ไขปัญหาโดยด่วน เพื่อให้ไฟที่ไหม้ดับสนิทและไม่ให้ควันพิษส่งผลกระทบกับชาวบ้าน
"ขณะนี้ชาวบ้านหลายครัวเรือนได้รับผลกระทบจากเหตุเพลิงไหม้โรงงาน ยังไม่สามารถกลับเข้าบ้านได้ ต้องไปอาศัยอยู่บ้านญาติ เนื่องจากควันไฟยังปกคลุมบ้านเรือนอยู่ โดยเฉพาะที่กลัวหากฝนตกลงมาแล้ว จะชะล้างสารเคมีในโรงงานไหลลงมากระทบกับชาวบ้าน และสิ่งแวดล้อม ขอให้เร่งดับไฟ และควันพิษ และเร่งขนย้ายสารเคมีออกไปให้หมด"
ร.ต.อ.วิทยา กุลบุญ รองสว. สอบสวน สภ.บ้านค่าย เผยว่า เบื้องต้นแนะนำให้ชาวบ้านไปตรวจสุขภาพ เพื่อนำใบรับรองการตรวจสุขภาพมาประกอบการแจ้งความ ล่าสุดตำรวจ 2 สถานีพื้นที่ ประกอบด้วย สภ.บ้านค่าย และสภ.หนองกรับ รอรับแจ้งความบริเวณที่ทำการ อบต.บางบุตร
ส่วนเรื่องคดี ขณะนี้ตำรวจพิสูจน์หลักฐานยังไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุได้ เนื่องจากไฟยังไม่ดับไม่มีความปลอดภัย ส่วนการสอบสวนเบื้องต้นสอบปากคำพยานชาวบ้านโดยรอบ และพนักงานโรงงานไปหลายปากแล้ว เพื่อเร่งสรุปสำนวนคดี
กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) รายงานผลการตรวจวัดสารเคมีในบรรยากาศในชุมชนรอบโรงงานบริษัท วินโพรเสส จำกัด เมื่อวันที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา เวลา 08.00 น. พบว่า เพลิงสงบแล้ว แต่ยังคงมีเจ้าหน้าที่และรถดับเพลิงไว้เฝ้าระวังสังเกตการณ์จำนวนหนึ่ง เนื่องจากพบยังมีบางจุดในโกดังยังมีการติดไฟ (เล็กน้อย) และบางจุดที่ยังคงมีกลุ่มควัน
คพ.ตรวจสอบคุณภาพอากาศในชุมชนโดยรอบบริเวณพื้นที่โรงงานและชุมชนโดยรอบ ตั้งแต่ระยะ 350 เมตร จนถึงประมาณ 4.7 กิโลเมตร ผลการตรวจสอบคุณภาพอากาศยังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพ ส่วนพื้นที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ตรวจพบไอระเหยสารเคมีในระดับที่เป็นอันตราย โดยศูนย์บัญชาการเหตุฉุกเฉินประชุมหาแนวทางในการจัดการกับความร้อนที่ยังคุอยู่ในชั้นใต้ดินที่ก่อให้เกิดกลุ่มควัน โดยมอบหมายให้นายอำเภอในฐานะผู้บัญชาการเหตุ นัดหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อวางแผนในการใช้เครื่องจักรเข้าเกลี่ยกองกากและฉีดพ่นน้ำดับไฟและจุดที่ยังมีความร้อนในชั้นใต้ดินให้สนิทเรียบร้อย
คพ.แจ้งผลการตรวจสอบและมีข้อเสนอแนะให้ผู้ปฏิบัติงานสวมใส่ชุดและอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคลระหว่างปฏิบัติงาน และแจ้งให้ประชาชนผู้อยู่อาศัยบริเวณใกล้เคียงมีการป้องกันตนเอง และอพยพไปในพื้นที่ปลอดภัย หรือศูนย์อพยพที่หน่วยงานราชการในพื้นที่จัดเตรียมไว้ สำหรับประชาชนที่ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่จะเป็นการระคายเคืองผิวหนังและระบบทางเดินหายใจ เนื่องจากกลุ่มควัน เขม่า และกลิ่นเหม็นที่เกิดจากเพลิงไหม้
นอกจากนี้ คพ.จะรวบรวมข้อเท็จจริงเพื่อประเมินค่าเสียหาย ค่าขจัดมลพิษ และการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อมที่ได้รับผลกระทบ ตามมาตรา 96 และมาตรา 97 แห่งพ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535 ต่อไป