วันที่ 25 กันยายน 2567 สถานการณ์น้ำท่วมเชียงใหม่ เมื่อเวลา 23.00 น.เทศบาลนครเชียงใหม่ รายงานระดับน้ำปิง วัดได้ 4.89 เมตร ระยะวิกฤต สีแดง โดยระดับน้ำทรงตัว อย่างไรก็ตามสำนักงานชลประทานที่ 1 ได้แจ้งเตือนว่า ระดับน้ำจะทรงตัวระยะหนึ่ง และจะมีระดับสูงขึ้นอีกจากมวลน้ำระลอกใหม่ (เกิดจากฝนที่ตกในพื้นที่ตอนบนของลุ่มน้ำเมื่อคืนที่ผ่านมา) ที่เคลื่อนตัวจากลุ่มน้ำแม่แตงและลุ่มน้ำปิง (ต้นน้ำจากอำเภอเชียงดาว) ลงมาสมทบกับแม่น้ำปิง
ขณะที่พื้นที่หลายจุดริมน้ำปิงและในเขตเทศบาลเมือง พื้นที่เศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมตั้งแต่ช่วงดึกที่ผ่านมา โดยนาย นิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้แจ้งเตือนประชาชนเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ โดยระบุว่า โซน 1-5 ในที่ลุ่มต่ำติดน้ำปิง และเขตเมือง ที่ได้รับผลกระทบ ยกของขึ้นที่สูง เคลื่อนย้ายรถยนต์ สำหรับสถานที่ที่ได้รับผลกระทบมีดังนี้
อัพเดตข้อมูลล่าสุดจากกรมชลประทาน เมื่อเวลา 16.00 น. ประกาศว่า ระดับแม่น้ำปิง ที่สถานี P.1สะพานนวรัฐ เชียงใหม่ จะขึ้นสูงสุดที่ระดับ 4.95 -5.05 เมตร เวลา 21.00 -23.00 น. ขอให้ประชาชนเฝ้าระวังระดับน้ำจากฝนที่ตกสะสมในพื้นที่ เตรียมยกของขึ้นที่สูงและนำยานพาหนะไปจอดในที่ปลอดภัย พร้อมกับเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำและติดตามการแจ้งเตือนจากหน่วยงานราชการอย่างใกล้ชิด
ขณะเดียวกันกรมชลประทาน ยังได้แจ้งเตือนพื้นที่ริมน้ำแม่งัด จังหวัดเชียงใหม่ หลังมีฝนตกหนักกระจายตัวทั่วพื้นที่ ส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลล่าสุด (25 ก.ย.67) ในช่วงเช้าที่ผ่านมาเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชลมีปริมาณน้ำเก็บกักประมาณ 277 ล้าน ลบ.ม. หรือเต็มความจุเก็บกักของอ่างฯ คาดการณ์ว่าระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นถึงระดับเก็บกักสูงสุด จะส่งผลให้มีน้ำไหลผ่านทางระบายน้ำฉุกเฉิน (Emergency Spillway) ในอัตรา 50 -200 ลบ.ม./วินาที
สำหรับการระบายน้ำผ่านทางระบายน้ำฉุกเฉินดังกล่าว เป็นไปตามหลักวิศวกรรม เพื่อรักษาระดับน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ที่กำหนดและรักษาความมั่นคงของเขื่อน ซึ่งจะทำให้เกิดน้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ชุมชนและพื้นที่การเกษตรบริเวณริมลำน้ำแม่งัด ในเขตตำบลบ้านเป้า ตำบลช่อแล และตำบลอินทขิล ตั้งแต่เวลาประมาณ 01.00 น. คืนนี้(26 กันยายน 2567) เป็นต้นไป
จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ติดกับลำน้ำแม่งัดเตรียมยกของขึ้นที่สูงและนำยานพาหนะไปจอดในที่ปลอดภัย พร้อมกับเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำและติดตามการแจ้งเตือนจากหน่วยงานราชการอย่างใกล้ชิดด้วย
โซนที่ 1
โซนที่ 2
โซนที่ 3
โซนที่ 4
โซนที่ 5
โซนที่ 6
ที่มาข้อมูล-ภาพ