8 วันปีใหม่ 68 ยอดคุมความประพฤติกว่า 7,237 คดี ติด EM 43 ราย

04 ม.ค. 2568 | 09:26 น.
อัปเดตล่าสุด :04 ม.ค. 2568 | 09:37 น.

คุมประพฤติเข้ม 8 วันปีใหม่ 68 ยอดคุมความประพฤติกว่า 7,237 คดี ติด EM 43 ราย เร่งตรวจประวัติบังคับใช้กฎหมายนำเข้าโปรแกรมแก้ไขฟื้นฟู

พันตำรวจตรี สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมคุมประพฤติ เปิดเผยสถิติคดีคุมประพฤติช่วงปีใหม่ 2568 โดยวันที่ 3 มกราคม 2568 มีคดีที่เข้าสู่กระบวนการคุมประพฤติรวมทั้งสิ้น 681 คดี โดยเป็นคดีขับรถขณะเมาสุรา 610 คดี และคดีขับเสพ 71 คดี

8 วันปีใหม่ 68 ยอดคุมความประพฤติกว่า 7,237 คดี ติด EM 43 ราย สรุปยอดสะสม 8 วันที่มีการควบคุมเข้มงวด ตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม 2567 - 3 มกราคม 2568 มีคดีคุมประพฤติรวม 7,237 คดี ยอดติด EM สะสม 43 ราย ดังนี้:

คดีขับรถขณะเมาสุรา 6,927 คดี (ร้อยละ 95.72) ติด EM 41 ราย

• คดีขับเสพ 304 คดี (ร้อยละ 4.20) ติด EM 2 ราย

• คดีขับรถประมาท 4 คดี (ร้อยละ 0.05)

• คดีขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด 2 คดี (ร้อยละ 0.03)

8 วันปีใหม่ 68 ยอดคุมความประพฤติกว่า 7,237 คดี ติด EM 43 ราย

จังหวัดที่มียอดสะสมคดีขับรถขณะเมาสุราสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร (511 คดี) เชียงใหม่ (427 คดี) และสมุทรปราการ (359 คดี)

พันตำรวจตรีสุริยา เปิดเผยว่า สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดสกลนคร และสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดปราจีนบุรี สาขากบินทร์บุรี ดำเนินการตามคำสั่งศาลติดอุปกรณ์ EM ให้กับผู้กระทำผิดในคดีเมาขับ จำนวน 4 ราย แม้จะเป็นการกระทำผิดครั้งแรก แต่การขับรถขณะเมาสุราถือเป็นการกระทำที่ขาดความรับผิดชอบต่อสังคม เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุทางถนน

8 วันปีใหม่ 68 ยอดคุมความประพฤติกว่า 7,237 คดี ติด EM 43 ราย

นอกจากนี้ ศาลได้สั่งคุมประพฤติกรณีขับรถประมาท จำนวน 2 ราย และขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด 2 คดี โดยผู้ถูกคุมประพฤติต้องมารายงานตัวกับพนักงานคุมประพฤติและปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ศาลกำหนด

8 วันปีใหม่ 68 ยอดคุมความประพฤติกว่า 7,237 คดี ติด EM 43 ราย

สำนักงานคุมประพฤติทั่วประเทศยังคงจัดกิจกรรมสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยการผสานกำลังสำนักงานคุมประพฤติทั่วประเทศ อาสาสมัครคุมประพฤติ ผู้ถูกคุมประพฤติ และภาคีเครือข่าย ในการสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ณ จุดบริการประชาชน ด่านชุมชน และด่านตรวจค้นบริเวณทางสายรองที่มีความเสี่ยงสูงในการเกิดอุบัติเหตุ รวม 56 จุด โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 286 คน และยังเพิ่มกิจกรรมการร่วมสังเกตการณ์การจราจรและพฤติกรรมการใช้ยานพาหนะตามถนนสายหลักและถนนสายรอง ผ่านกล้อง CCTV แบบเรียลไทม์ในหลายจังหวัด เพื่อสร้างความตระหนักและให้เห็นพฤติกรรมของผู้ขับขี่ทางถนน สามารถวิเคราะห์ปัจจัยที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการขับขี่ของตนเองให้กลับมาปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด