ศาลอาญายกฟ้อง 21 แกนนำ และแนวร่วมกลุ่มพันธมิตรฯ ปิดล้อมรัฐสภา ปี 51 กรณีเปิดปฎิบัติการชุมนุมขับไล่รัฐบาล "สมัคร สุนทรเวช"
วันนี้ (4 มี.ค. 62) ศาลอาญาได้นัดฟังคำพิพากษาคดีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ชุมนุมปิดล้อมรัฐสภา เมื่อปี 2551 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ฟ้อง นายสนธิ ลิ้มทองกุล, นายพิภพ ธงไชย, นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์, นายสุริยะใส กตะศิลา อดีตแกนนำ และแนวร่วม รวม 21 คน เป็นจำเลยร่วมกัน มั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ก่อความวุ่นวาย ร่วมกันหน่วงเหนี่ยว หรือ กักขังผู้อื่น หรือ กระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
โดยพวกจำเลย ซึ่งเป็นแกนนำฯ ได้ชักชวนประชาชนเข้าร่วมชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อกดดัน นายสมัคร สุนทรเวช ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เคลื่อนการชุมนุมจากทำเนียบรัฐบาล ไปปิดล้อมสถานที่ราชการ อาคารรัฐสภา
ล่าสุด ศาลอาญามีคำตัดสินยกฟ้องแกนนำพันธมิตรฯ และแนวร่วม รวม 21 คน ชี้การชุมนุมปราศจากอาวุธ ชุมนุมตามสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ความรุนแรงเกิดขึ้นจากการถูกสลายการชุมนุมโดยไม่แจ้งล่วงหน้า ทำให้เกิดความวุ่นวายเกิดขึ้นจากคนส่วนน้อย แกนนำไม่สามารถที่จะควบคุมได้
ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 ต.ค. 2551 แกนนำพันธมิตรและแนวร่วม รวม 21 คน ได้ปิดล้อมอาคารรัฐสภาเพื่อกดดันไม่ให้คณะรัฐมนตรี ในรัฐบาล นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ แถลงนโยบายต่อที่ประชุมรัฐสภา ในวันที่ 7 ต.ค. โดยอ้างว่า รัฐบาลขาดความชอบธรรมที่จะเข้ามาบริหารประเทศ และไม่ต้องการให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยมีผู้ชุมนุมจากจังหวัดต่าง ๆ ได้ทยอยสู่ที่ชุมนุม
เวลาประมาณ 20.30 น. แกนนำพันธมิตรได้ขึ้นเวทีพร้อมกัน และประกาศขยายพื้นที่การชุมนุมไปยังหน้าอาคารรัฐสภา เพื่อปิดล้อมรัฐสภา
เวลา 06.20 น. ของเช้าวันอังคารที่ 7 ต.ค. ตำรวจได้ระดมยิงแก๊สน้ำตาร่วม 100 นัด เพื่อเป็นการเปิดเส้นทางให้คณะรัฐมนตรีและสมาชิกรัฐสภาเข้าไปประชุมรัฐสภา ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ โดย นางรุ่งทิวา ธาตุนิยม บาดเจ็บสาหัส ภายหลังเสียชีวิตลง ในวันที่ 5 ก.ย. 2559 ในวันดังกล่าวกลุ่มพันธมิตรฯ ได้เข้าทำการตัดน้ำตัดไฟในอาคารรัฐสภา
เวลา 09.30 น. การแถลงนโยบายร่วมได้เริ่มขึ้น แต่ ส.ส. และ ส.ว. หลายคนไม่ได้อยู่ในที่ประชุม นายชัย ชิดชอบ ประธานสภา ได้ให้นับองค์ประชุม ปรากฏว่า ไม่ครบองค์ประชุม จึงได้ให้พักการประชุม และเมื่อเปิดประชุมใหม่ ปรากฏว่า มีเพียง ส.ส. พรรคร่วมรัฐบาลเท่านั้น รวมจำนวน 320 คน ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ฝ่ายค้านได้คว่ำบาตรการแถลงนโยบายครั้งนี้
หลัง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ได้แถลงนโยบายเสร็จ เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. ไม่สามารถจะเดินทางออกมาได้ เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมได้ปิดกั้นประตูทางออกแทบทุกทาง จึงต้องเดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ของตำรวจแทน พร้อมด้วย ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ บุตรสาว ไปยังกองบัญชาการกองทัพไทย ที่ถนนแจ้งวัฒนะ เพื่อหารือกับผู้บัญชาการ 3 เหล่าทัพ
ต่อมาเวลาประมาณ 17.00 น. บรรดา ส.ส. และ ส.ว. ยังคงติดอยู่ภายในอาคารรัฐสภา เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ยอมให้บุคคลกลุ่มดังกล่าวออก โดยให้ผู้จะออกแสดงบัตรและอนุญาตให้ออกเฉพาะที่ไม่ใช่ ส.ส. และ ส.ว. เท่านั้น เช่น พนักงานสภาและสื่อมวลชน ต่อมาตำรวจได้ใช้แก๊สน้ำตายิงอีกหลายนัด เพื่อเปิดทางให้ ส.ส. และ ส.ว. ออกไปได้ และระดมยิงแก๊สน้ำตาต่อเนื่องไปจนถึงหัวค่ำ ที่หน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาลและลานพระบรมรูปทรงม้า จากการปะทะกัน มีผู้ได้รับบาดเจ็บรวมยอดผู้บาดเจ็บทุกฝ่ายทั้งสิ้นในขณะนั้น 381 ราย เสียชีวิต 2 ราย ได้แก่ พ.ต.ท.เมธี ชาติมนตรี และอังคณา ระดับปัญญาวุฒิ และตำรวจได้รับบาดเจ็บ 11 นาย