ป.ป.ช.มติเอกฉันท์ชี้มูล “ประหยัด พวงจำปา”รองเลขาฯป.ป.ช. ยื่นทรัพย์สินเท็จ-ปกปิดทรัพย์สิน 227 ล้าน พบทรัพย์สินเมีย เงินฝาก-ห้องเพนเฮาส์กลางกรุงลอนดอน 215 ล้าน ส่งอัยการฟ้องศาลฏีกานักการเมือง
วันนี้ (15 ส.ค.62) นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แถลงว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติชี้มูลความผิดว่า นายประหยัด พวงจำปา รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. กรณีเข้ารับตำแหน่ง เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2560 ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สิน จำนวน 6 รายการ มูลค่ารวม 227,393,103 บาท ซึ่งเป็นทรัพย์สินและหนี้สินในชื่อของนางธนิภา พวงจำปา คู่สมรส โดยแบ่งเป็นทรัพย์สินในประเทศ รวม 2,010,000 บาท ประกอบด้วยบัญชีเงินฝาก ประเภทกระแสรายวัน ยอดเงินฝากคงเหลือ ณ วันที่ยื่นบัญชี จำนวน 10,000 บาท แต่บัญชีเงินฝากที่มีรายการเคลื่อนไหวทางบัญชีเป็นจำนวนมากทั้งก่อนและหลังจากที่มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน รวมเป็นเงินกว่า 246,976,273 บาท และเงินลงทุนในบริษัท ปาล์ม บิซ คอร์ปอเรชั่น จำกัด จำนวน 20,000 หุ้น มูลค่ารวม 2,000,000 บาท
ส่วนทรัพย์สินในต่างประเทศ รวม 225,383,103 บาท ประกอบด้วยบัญชีเงินฝากสาขาลอนดอน สหราชอาณาจักร จำนวน 3 บัญชี ยอดเงินฝากคงเหลือ ณ วันที่ยื่นบัญชี จำนวน 237,959.46 ปอนด์ (คิดเป็นเงินไทยประมาณ 10,312,353 บาท) และห้องชุดที่ตั้งอยู่ ณ ถนน Kensington High Street ลอนดอน สหราชอาณาจักร มูลค่า 4,500,000 ปอนด์ (คิดเป็นเงินไทยประมาณ 215,070,750 บาท)
ประหยัด พวงจำปา
นายวรวิทย์ กล่าวว่าการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินในกรณีนี้ เนื่องจากมีหนังสือสำนักงาน สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินแจ้งข้อมูลเบาะแสธุรกรรมที่มีเหตุอันควรสงสัยซึ่งเกี่ยวข้องกับคู่สมรสของนายประหยัด ทำให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. เห็นว่ามีเหตุอันควรสงสัยว่านายประหยัดจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ จึงมีการแต่งตั้งคณะทำงานดำเนินการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินของนายประหยัด โดยการตรวจสอบเชิงลึก เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2561 ต่อมาคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติให้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินของนายประหยัด โดยปรับให้เป็นคณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งคณะดำเนินการ
จากนั้นคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาพยานหลักฐานและแจ้งข้อกล่าวหา พร้อมทั้งให้โอกาสชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ประกอบกับพิจารณาหนังสือร้องขอความเป็นธรรมของนายประหยัดแล้ว เห็นว่าจากพยานหลักฐานมีมูลว่า การกระทำของนายประหยัดเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.)ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 167 จึงมีมติด้วยคะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์ว่า นายประหยัด จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินหรือหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สิน และให้ส่งเรื่องให้อัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อขอให้พ้นจากตำแหน่งนับแต่วันหยุดปฏิบัติหน้าที่ (วันที่ศาลประทับฟ้อง) ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง และขอให้ลงโทษทางอาญา ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 158 มาตรา 43 มาตรา 81 มาตรา 167 และมาตรา 188 ต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ปปง.พบธุรกรรมอันควรสงสัยมีความเชื่อมโยงกับคดีอื่นหรือไม่ นายวรวิทย์ กล่าวว่า วันนี้แค่แถลงข่าวในส่วนของกรณีปกปิดทรัพย์สิน ส่วนคดีอื่น ๆ เป็นคณะทำงานคนละส่วนกัน เป็นเรื่องในสำนวน เมื่อถามถึงกรณีนายประหยัดได้ยื่นฟ้องเลขาธิการ ป.ป.ช. ต่อศาลคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ในคดีดังกล่าวนั้น นายวรวิทย์ กล่าวว่า ไม่กังวล และพร้อมสู้คดีตามพยานหลักฐาน
เมื่อถามถึงกรณีกระแสข่าว น.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการ ป.ป.ช.และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ถูกฟ้องร้องกล่าวหาว่าติดสินบนพยานขณะสอบคดีปลูกปาล์มน้ำมันที่อินโดนีเซียนั้น นายวรวิทย์ กล่าวว่า ตรวจสอบแล้วไม่พบรายละเอียดของข่าวดังกล่าวในประเทศอินโดนีเซีย ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และได้ตรวจสอบข่าวจากประเทศอินโดแล้ว ไม่พบข่าวดังกล่าว ซึ่งการเดินทางไปอินโดนีเซียดังกล่าว ไปเป็นคณะในฐานะผู้สังเกตการณ์ ส่วน น.ส.สุภา จะฟ้องร้องกลับหรือไม่นั้น ถือเป็นเรื่องส่วนตัว
ทั้งมีรายงานว่า นายประหยัด ผู้ถูกชี้มูล เตรียมแถลงข่าวชี้แจงต่อเรื่องดังกล่าว ที่โรงแรมริชมอนด์ ในเวลา 18.00 น. วันเดียวกันนี้