รมว.ศธ. ส่ง”ดร.ไกรเสริม โตทับเที่ยง” ลงสงขลา เปิดตัวค่ายเยาวชน NBI Youth Camp รุ่นที่ 7 เพื่อพัฒนาเด็ก-เยาวชนของชาติ ให้มีความเป็นผู้นำ และกลับไปต่อยอด ดูแลสังคมและประเทศชาติต่อไปในอนาคต
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายณัฐพล ทีปสุวรรณ มอบหมายให้ ดร.ไกรเสริม โตทับเที่ยง เลขานุการ รมว.ศธ. เป็นประธานเปิดตัว “โครงการ NBI Youth Camp” รุ่นที่ 7 ณ หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา มหาวิทยาลัยราชภัฏ จังหวัดสงขลา
ดร.ไกรเสริม กล่าวว่า โครงการนี้ จัดโดยคณะนักศึกษาหลักสูตร “นักบริหารระดับสูงเพื่อการสร้างชาติ (นสช.)” รุ่นที่ 8 ของสถาบันการสร้างชาติ (Nation-Building Institute: NBI) ซึ่งมี รศ.ดร.โภคิน พลกุล เป็นประธานนักศึกษาหลักสูตร ซึ่งกำหนดจัดรุ่นที่ 7 ระหว่างวันที่ 21-23พ.ย.2562 เพื่อวางรากฐานแนวคิด ค่านิยมในการใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า ปลูกจิตสำนึกในการใช้ชีวิตอยู่อย่างพอเพียง
รวมทั้งพัฒนาศักยภาพเยาวชนทางด้านต่างๆ ตลอดจนสร้างเครือข่ายเยาวชนทำดีที่เข้มแข็ง โดยเปิดรับสมัครผู้เข้าร่วมค่าย 1,050 คน จาก 227 สถานศึกษาใน 7 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง คือ สงขลา พัทลุง ตรัง ยะลา ปัตตานี นราธิวาส และสตูล โดยเยาวชนที่เข้าค่ายไม่เสียค่าใช้จ่าย
ดร.ไกรเสริม กล่าวย้ำว่า โครงการในปีนี้ รมว.ศธ.ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ให้ความสำคัญมาก โดยมอบหมายให้ตนเข้ามามีส่วนร่วมเปิดตัวโครงการ เพื่อดูความเชื่อมโยงโครงการกับกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เพราะมีเป้าหมายภารกิจเดียวกัน คือ “พัฒนาเยาวชนของชาติ”
ส่วนโจทย์สำคัญของการสร้างเด็กและเยาวชน เพราะพวกเขาเหล่านี้ช่วยแบ่งเบาภาระให้แก่พวกเราในอนาคต เพราะกำลังเข้าสู่สังคมสูงอายุ (Aging Society) ดังนั้นเยาวชนของชาติต้องเป็นผู้ขับเคลื่อนประเทศไทยในอนาคต หากเด็กและเยาวชนไทยไม่มีศักยภาพในการขับเคลื่อนประเทศต่อไปได้ ก็จะไม่เหลืออะไร
“ดังนั้นอนาคตของประเทศ จึงอยู่ในมือเด็กและเยาวชน หากไม่ช่วยกันสร้างเด็กและเยาวชนให้มีคุณภาพ เราจะโทษใครไม่ได้”ดร.ไกรเสริม กล่าว
นอกจากนี้ ศธ. ยังให้ความสำคัญกับการสร้างคน ซึ่งไม่เพียงแต่พัฒนาด้านความรู้เท่านั้น แต่ต้องมีจิตใจที่เอื้อเฟื้อ แบ่งปันความรู้ให้กับคนที่ไม่รู้ด้วย
โครงการนี้มีส่วนสำคัญ ที่มีส่วนร่วมช่วยกันคิด ช่วยกันทำ ให้เด็กและเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการได้รับการปลูกฝัง และรู้ในเรื่องอนาคต เพื่อเป็นเมล็ดพันธุ์ที่่ได้รับการหล่อหลอมให้เติบโตเป็นผู้นำที่มีคุณภาพ
“ผมเชื่ออว่าทุกคนต่างมีความเป็นผู้นำในตัวเอง ซึ่งทุกคนจำเป็นต้องเป็นผู้นำในอนาคต พวกเราจึงต้องช่วยกันดูแลส่วนที่เป็นสังคมที่เล็กที่สุดตรงนี้ให้ดี เพื่อส่งเด็กและเยาวชนให้ไปดูแลสังคมประเทศชาติของพวกเราต่อไปในอนาคต” ดร.ไกรเสริม กล่าว
เลขานุ รมว.ศธ. กล่าวย้ำด้วยว่า ดังนั้นแนวทางการพัฒนาหากเหมือนเดิมแล้ว จะหวังให้เกิดผล หรือแก้ปัญหาใหม่ๆ คงไม่ได้ เพราะหลายอย่างของประเทศไทยเปลี่ยนไป และเข้าสู่โลกยุคที่มีความทันสมัยมากขึ้น ทุกคนจึงควรมีส่วนร่วมในสังคมให้มากขึ้น
ดังนั้น ผู้ที่มีส่วนร่วมควรบอกได้ว่า ในแต่ละโรงเรียนมีปัญหาอะไร หรือมีแนวทางแก้ปัญหาอย่างไร เพื่อเป็นโจทย์และคำตอบให้กับสังคม สะท้อนให้ ศธ.นำไปสู่การแก้ปัญหาที่ตรงประเด็น ได้ประโยชน์ และเกิดประสิทธิภาพมากขึ้นต่อไป
จากนั้น ดร.ไกรเสริม เดินทางไปตรวจเยี่ยมและติดตามความก้าวหน้าการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนในสังกัด สพป.สงขลา เขต 1 ที่โรงเรียนวิเชียรชม อ.เมืองสงขลา และโรงเรียนบ้านท่าคุระ อ.สทิงพระ
การลงไปที่จังหวัดสงขลาครั้งนี้ ผมตั้งใจไปเยี่ยมโรงเรียนขนาดเล็ก และขนาดใหญ่ด้วย ซึ่งพบว่ามีความต้องการไม่ต่างกัน ทั้งเรื่องอาคาร สถานที่ ที่ยังไม่สมบูรณ์ มีความทรุดโทรม และโรงอาหารไม่พอสำหรับจำนวนนักเรียน โดยการแก้ไขปัญหา ต้องตอบโจทย์ได้ทั่วถึง นี่คือสิ่งสำคัญ
“ผมสนับสนุนแนวนโยบายของท่านรัฐมนตรีณัฐพล ในการแบ่งประเภทโรงเรียน ตามความพร้อม พร้อมมาก พร้อมกลาง พร้อมน้อย และจัดสรรทรัพยากรที่มีให้ตามความจำเป็น เพื่อตอบในสิ่งที่ตรงกับความต้องการ และสนับสนุกการเรียนการสอน โดยมุ่งเน้นไปที่ “ผลการศึกษาของเด็กนักเรียน” ว่าต้องพัฒนาอย่างเท่าเทียม” ดร.ไกรเสริม กล่าว